ช่วงกลางปีแบบนี้ หลายร้านมีโปรโมชั่น Midyear Sale ให้ได้ช็อปกันมากมาย เช่นเดียวกับแอมะซอน เราลองไปถอดบทเรียนจากไพรม์ เดย์ของแอมะซอนกันว่า ร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะนำกลยุทธ์ของแอมะซอนมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจตัวเองได้อย่างไร
นิตยสารฟอร์บสลงบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลยุทธ์ไพรม์ เดย์ ของแอมะซอน ที่ร้านค้าปลีกขนาดเล็กควรเรียนรู้ โดยไพรม์เดย์ของแอมะซอน คือวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา คล้ายกับโปรโมชั่นมิดเยียร์ แบล็กฟรายเดย์ของเจ้าอื่น ที่จากเดิมสมาชิกที่จ่ายค่าสมาชิกรายปี 99 ดอลลาร์ จะมีสิทธิ์ซื้อของแล้วได้ส่วนลดหรือไม่ต้องเสียเงินค่าส่งตลอดทั้งปี แต่ในวันแบล็กฟรายเดย์ สมาชิกจะซื้อของลดราคากระหน่ำ ขณะที่คนที่ไม่เคยสมัครสมาชิกของไพรม์ก็สามารถลงทะเบียนทดลองใช้บริการไพรม์ได้ฟรี 30 วัน เพื่อให้ได้สิทธิซื้อของลดราคาในวันนั้น
แม้หลายคนจะมองว่า ไพรม์ เดย์เป็นเพียงมิดเยียร์ เซล เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงฤดูร้อนที่คนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย แต่นายแพทริก เรย์โนลด์ส ประธานบริหารฝ่ายการตลาด ของ SessionM มองว่า นี่เป็นตัวอย่างกลยุทธ์การสร้างการเติบโตอย่างเหนือชั้นและยังปลูกฝังความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
เรย์โนลด์สอธิบายว่า วิธีพื้นฐานในการการสร้างให้ธุรกิจเติบโตมีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่ 1) ดึงดูดลูกค้าใหม่ 2) กระตุ้นให้ลูกค้าเดิมซื้อมากขึ้น 3) ทำให้ลูกค้าเดิมซื้อของบ่อยขึ้น ซึ่งไพรม์ เดย์ได้ใช้ทั้ง 3 วิธีอย่างมีประสิทธิภาพ
ยอดขายทั่วโลกของแอมะซอนในวันไพรม์ เดย์ ปี 2016 ของไพรม์ เดย์พุ่งขึ้นจากปี 2015 มากถึงร้อยละ 60 คิดเป็นมูลค่า 500 - 600 ล้านดอลลาร์ และเรย์โนลด์สก็คาดว่า ยอดขา���ของไพรม์จะเพิ่มขึ้นอีกกว่าร้อยละ 10 เพราะไพรม์รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างแนบแน่น
นอกจากแอมะซอนจะได้เงินค่าสมาชิกรายปี 99 ดอลลาร์แล้ว จากข้อมูลของ Consumer Intelligence Research Partners หรือ CIRP ยังพบว่า ลูกค้าไพรม์กว่า 80 ล้านคนทั่วโลก ใช้จ่ายเฉลี่ยถึง 1,300 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกไพรม์ใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 700 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น โดยเหตุผลหลักที่ทำให้คนหันมาสมัครสมาชิกบริการไพรม์ก็ เพราะบริการจัดส่งของฟรี
การให้คนที่ไม่เคยเป็นสมาชิกไพรม์ได้ลองสมัครใช้ไพรม์ฟรี 30 วันทำให้ลูกค้าสนใจลองใช้ไพรม์มากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะสมัครสมัครชิกรายปีต่อ แต่สำหรับคนที่ไม่ต้องการจ่ายค่าสมาชิกถึง 99 ดอลลาร์ แอมะซอนก็เสนอแพ็คเกจ 10.99 ดอลลาร์ต่อเดือนให้ด้วยทำให้มีคนสนใจสมัครไพรม์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26
สิ่งที่แอมะซอนได้จากลูกค้าไพรม์ ไม่ใช่แค่ยอดขายที่สูงขึ้น แต่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อและพฤติกรรมในการซื้อ ซึ่งจะนำไปคาดการณ์โอกาสที่บริษัทจะได้จากข้อมูลเหล่านี้ด้วย เพราะแอมะซอนให้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่จะคาดการณ์จากประวัติการซื้อได้ว่า ลูกค้าต้องการสินค้าอะไร ก่อนที่ลูกค้าจะนึกออกด้วยซ้ำ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นและบ่อยขึ้นด้วย และเมื่อแอมะซอนสร้างประสบการณ์การซื้อที่มากขึ้นและบ่อยขึ้น จะทำให้ลูกค้ามีความซื้อสัตย์ต่อแอมะซอนมากขึ้น และตัดวงจรการซื้อของเจ้าอื่นไป
เรย์โนลด์สแนะนำว่า วิธีการทั้งหมดของแอมะซฮน ร้านค้าปลีกเองก็สามารถนำไปใช้ได้ และการขายสินค้าเป็นเรื่องของการสร้างประสบการณ์ หากร้านค้าปลีกขนาดเล็กต้องการประสบความสำเร็จ ก็ต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ซื้อที่ดีในร้าน ซึ่งครอบคลุมหลายด้าน ทั้งบริการ personal shopping ห่อของขวัญฟรี แสดงวิธีการใช้งาน หรือประสบการณ์อื่นๆที่ลูกค้าจะไม่ได้รับจากการซื้อสินค้าออนไลน์