เหตุการณ์ที่เต่าตนุกินเหรียญน้ำหนักรวมกว่า 5 กิโลกรัมเข้าไปในร่างกาย สะท้อนให้เห็นถึงการจัดการการท่องเที่ยวในไทยที่ยังขาดประสิทธิภาพ โดยไม่สามารถควบคุมนักท่องเที่ยวไม่ให้ทำอะไรที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
หลังจากที่ทีมสัตวแพทย์จากจุฬาฯประสบความสำเร็จในการผ่าท้องเจ้าออมสิน เต่าทะเลวัย 25 ที่กลืนเหรียญน้ำหนักรวมกว่า 5 กิโลกรัม ซึ่งแพทย์ใช้เวลาถึงเกือบ 7 ชั่วโมงในการผ่าตัดเปิดกระดองส่วนท้องของเต่า และผ่ากระเพาะอาหารเพื่อนำเหรียญทั้งหมดออกมา และพบว่ามีเหรียญจากนานาชาติมากถึง 915 เหรียญ หลายเหรียญมีสนิมขึ้นและถูกกัดกร่อนไปแล้วบางส่วน
โดยเหรียญเหล่านี้เป็นเหรียญที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปในบ่อที่เจ้าออมสินอาศัยอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตลอดช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวบางส่วนเชื่อว่าเต่าเป็นสัตว์อายุยืน การโยนเหรียญให้เต่าจึงทำให้ผู้โยนประสบโชคดี และอายุยืนยาว อย่างไรก็ตาม เต่าส่วนใหญ่จะเผลอกินเหรียญเข้าไป ทำให้มันเจ็บป่วยและอายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น โดยเต่าออมสินมีอาการกระดองส่วนท้องแตกและติดเชื้ออย่างรุนแรงเนื่องจากกระเพาะของมันขยายใหญ่ผิดปกติจากเหรียญที่สะสมอยู่ภายใน จนเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าออมสินไม่ว่ายน้ำ จึงนำมันไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างชาติ เนื่องจากที่ผ่านมา มีกรณีการละเมิดสิทธิสัตว์เกิดขึ้นบ่อยครั้งในไทย ทั้งวัดเสือที่กาญจนบุรี และกรณีนำช้างมาจัดแสดงหรือให้นักท่องเที่ยวนั่ง นอกจากนี้กรณีเต่าออมสินยังสะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวไทยยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวถึงสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำขณะอยู่ในประเทศไทยได้ดีพอ โดยเฉพาะการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียหลายๆอย่างตามมา ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารสัตว์ตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติต่างๆซึ่งจะทำให้พฤติกรรมการหาอาหารของสัตว์ตามธรรมชาติเปลี่ยนไป หรือการเก็บปะการังจากท้องทะเลขณะดำน้ำ ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน