ในปี 2558 นักการตลาด จะต้องทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่า ค่านิยมผู้บริโภคยุคใหม่ ก็คือ เปิดเผย , ชัดเจน , มาตรฐานสูง นักการตลาด จึงต้องมีเครื่องมือช่วยแกะรอยพฤติกรรมผู้บริโภค
ในปี 2558 ค่านิยมของผู้บริโภคจะเน้นไปที่ 8 สิ่งนี้ คือ 1. อยากรวยลัด 2. งามภายนอก 3. ช่วยเหลือตัวเอง 4.ไม่ผูกมัด 5. อย่าปิดบัง 6. วัฒนธรรมเดียวกัน 7. มาตรฐานสูง และ 8. ซื้อน้อยแต่ได้เยอะ ซึ่งเป็นโจทย์ที่นักการตลาด ต้องทำความเข้าใจและตอบสนองให้ตรงจุด
เรามาทำความรู้จักอย่างลึกซึ้งกับค่านิยมทั้ง 8 ดังกล่าว เริ่มกันที่ "รวยทางลัด" หรือ RICHFICIENCY (RICH+SUFFICIECNY) ซึ่งผลสำรวจผู้บริโภครุ่นใหม่ พบว่า กลุ่มนี้จะไม่อดทนกับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ หรือรู้สึกไม่ใช่ และต้องการรวยด้วยเองหรือรวยทางลัด ความต้องการทำงานออฟฟิศจึงน้อยลง
ค่านิยมที่ 2 คือ งามภายนอก หรือ EXTHETIC (EXTERNAL+AESTHETIC) ซึ่งงานวิจัย พบว่า ค่านิยมสมัยนี้ มักไม่เห็นคุณค่าของความงามภายใน แต่เน้นเรื่องความงามภายนอก เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม เพราะมีผลต่อหน้าที่การงาน และความสำเร็จ ทำให้สถานเสริมความงาม แอพพลิเคชั่นเสริมแต่งรูปภาพ ได้รับความนิยม และยิ่งปลูกฝังให้คนเห็นค่าความงามภายนอกมากขึ้น จนลืมตัวตนของตัวเองไป
ค่านิยมที่ 3. การช่วยเหลือตัวเอง หรือ YELP (Help Yourself) เป็นอิทธิพลจากโลกออนไลน์ ทำให้แปลกแยกจากสังคมโดยไม่รู้ตัว เพราะแอพพลิเคชั่นต่างๆ จึงทำอะไรเองได้สารพัด ไม่ต้องง้อหรือพึ่งพาใคร เด็กรุ่นใหม่มีความเป็นตัวเอง และมั่นใจว่าช่วยตัวเองได้ และหันไปค้นหาข้อมูลใน Google แทนที่จะปรึกษาพ่อ-แม่
นอกจากนี้ ยังแคร์ความรู้สึกน้อยลงด้วย ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง และชอบเขียนแสดงออกทางโซเชียล
กลุ่ม 4. คือ ไม่ผูกมัด หรือ NOBLIGLATION (NO+OBLIGLATION) เมื่อมนุษย์สร้างสังคมออนไลน์ พูดคุย รับเพื่อนใหม่ได้ง่าย จึงไม่ต้องการผูกมัด หรือรับผิดชอบใดๆ ในการคบหาทางออนไลน์ จึงติดนิสัยรักอิสระ ไม่ชอบถูกบังคับ และไม่ชอบอยู่กับอะไรเดิมๆ นานๆ เพราะถูกกระตุ้นด้วยข้อมูลใหม่ตลอดเวลา
เปิดเผย ชัดเจน อย่าปิดบัง หรือ SINCLEAR (SINCERE+CLEAR) คือ ค่านิยมที่ 5. ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทุกวันนี้ต้องการ สังคมกลัวการถูกเปิดเผยเพราะการคลิ๊กแชร์ทำง่ายขึ้น และเชื่อรีวิว มากกว่าโฆษณา เพราะรู้สึกว่ามันคือเรื่องจริงของคนที่มีประสบการณ์นำมาแบ่งปัน เช่น เรื่องการท่องเที่ยว
6.วัฒนธรรมเดียวกัน หรือ BLENDSO (BLENDED+SOCIETY) โลกโซเชียล ทำให้คนรุ่นใหม่ รับรู้ข่าวสารแบบเดียวและเท่าทันกัน จนแทบจะมีวัฒนธรรมเดียวกัน มีรสนิยมเหมือนๆ กันมากขึ้น การสร้างเอกลักษณ์ จึงต้องคำนึงถึงบริบทว่าคนที่เติบโตมากับวัฒนธรรมนี้ จะเข้าใจและนำปรับใช้ได้อย่างไร
ค่านิยมที่ 7. มาตรฐานสูง หรือ SUPERGENIC (SUPER+GENIC) เมื่อแบรนด์แข่งกันสร้างความพึงพอใจ ผู้บริโภคจึงมีมาตรฐานสูงขึ้น โดยเฉพาะความรู้สึกจะได้รับบริการดีๆ นอกจากนี้ 68% ของคนที่เปลี่ยนยี่ห้อ อาจไม่ใช่เพราะความไม่พอใจผลิตภัณฑ์ แต่ไม่พอใจเรื่องการบริการ
สุดท้าย คือ ซื้อน้อยแต่ได้เยอะ หรือ EASEMORE (EASY+MORE) ผู้บริโภค มักคุ้นชินกับสิ่งเดียวที่ทำได้ทุกอย่าง เช่น มือถือ ที่เป็นทุกอย่างของชีวิต ไม่ว่าจะใช้ติดต่อ ดูหนัง ละคร ฟังเพลง ถ่ายรูป เป็นกระเป๋าสตางค์ สมุดบันทึก เป็นเพื่อนคุย เพื่อนร่วมทาง และสารพัดประโยชน์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องมองนอกกรอบ สร้างนวัตกรรมที่ใช้ง่าย สะดวกต่อชีวิตประจำวัน
เอ็นไวโรเซล ยังพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับแกะรอยพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งในโลกออนไลน์ และ ณ จุดขาย เพื่อตอบโจทย์แบรนด์สินค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ นั่นคือ 1. Web-alongs ซอฟแวร์ที่สามารถมอนิเตอร์พฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้งานเว็บไซต์ อาทิ ผู้บริโภคเป็นคนวัยใด เพศไหน เปิดจากที่ใด ใช้เวลาเปิดเว็บไซต์นั้นนานแค่ไหน เปิดเว็บไซต์คู่แข่งหรือไม่ และสนใจเนื้อหาใดเป็นพิเศษ เป็นต้น
2. Instore media ROI research เป็นโปรแกรมที่ใช้กับสื่อ ณ จุดขาย สามารถประมวลผลประสิทธิภาพของสื่อในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย