ไม่พบผลการค้นหา
กลายเป็นการ “แก้แค้นกันเอง” ของพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งใกล้หมดวาระก็ยิ่งเปิดหน้าชนชนิดไม่เกรงใจกันอีกต่อไป นับจากปรากฏการณ์ ‘ธรรมนัสเอฟเฟกต์’ ก็นำมาซึ่ง “อาฟเตอร์ช็อก” หลายลูก

ล่าสุด ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขนำ 6 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ลาประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ค้านต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว อีกแง่ก็เป็นการ ‘งัดข้อ’ กับ ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สะเทือนไปถึง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ด้วย 

แต่งานนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เรียกว่า ‘เคราะห์ซ้ำกรรมซัด’ หลังเจอเขย่าเก้าอี้ มท.1 จากขั้ว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย หลังนำ ส.ส. ที่ถูกขับพ้นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปพูดคุยที่ จ.ภูเก็ต มาพร้อม ‘ข้อเสนอต่อรอง’ เพื่อเป็นเสียงสนับสนุนรัฐบาล เสนอดัน ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หน.พลังประชารัฐ ควบเก้าอี้ มท.1 แทน พล.อ.อนุพงษ์ การเขย่าเก้าอี้ มท.1 เกิดมาแรมปี จากคลื่นใต้น้ำภายใน พปชร. ที่สลับกับชูชื่อ พล.อ.ประวิตร กับ ร.อ.ธรรมนัส ขึ้นมา ด้วยเหตุผล พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ดูแล ส.ส.ลูกพรรค เท่าที่ควร 

ประยุทธ์ ภูมิใจไทย ศักดิ์สยาม -DBCD-41C9-9DB6-8E8D7E2955ED.jpeg

ยังไม่จบเท่านี้ ‘รังใหม่ธรรมนัส’ พรรคเศรษฐกิจไทย ยังสถาปนาตัวเองเป็น ‘พรรคอิสระ’ แผลงฤทธิ์โหวตหนุนฝ่ายค้านในสภาฯ ในมติร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของ พรรคก้าวไกล กลายเป็นหอกกลับไปทิ่มแทง พล.อ.ประวิตร ที่เคยออกตัวชัดว่าพรรค ร.อ.ธรรมนัส จะหนุนรัฐบาล เพราะได้เคยคุยกันก่อนออกไปแล้ว

แถมกลับมีภาพ ‘อนุทิน’ คุยกับ ‘ธรรมนัส’ กลางสภาฯ หลังโหวตสวนมติพรรคร่วมรัฐบาล โดย ‘อนุทิน’ ชี้แจงว่า “ผมเดินสวนท่าน ไม่ให้หยุดทักกันได้ยังไง เพราะเป็นเพื่อนกัน ตรงนี้ก็เป็นเรื่องเป็นราว รัฐบาลส่วนรัฐบาล สภาส่วนสภา” ทั้งนี้ ‘อนุทิน-ธรรมนัส’ เป็นเพื่อนกันโดยมี ‘คนเชื่อมสัมพันธ์’ คือเพื่อนทหาร ของ ร.อ.ธรรมนัส

จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวว่า ‘สหายผู้กอง’ หรือ ‘เอกราช ช่างเหลา’ กับ ‘วัฒนา ช่างเหลา’ ที่เป็น 21 ส.ส. ถูกขับพ้น พปชร. จะไปซบ ‘พรรคภูมิใจไทย’ หลังส่ง ‘พิทักษ์ชน ช่างเหลา’ ลูกชาย เอกราช คนเล็ก ที่ไปซบพรรคภูมิใจไทยแล้ว

ปัญหาทั้งหมดนี้พันกันไปหมด ว่ากันว่าปะทุมาตั้งแต่ ‘ศึกซักฟอก’ ต้นปี 2564 ที่มีปมใหญ่ คือ ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ หลังมีการโหวตสวนเกิดขึ้น ผ่านมา 1 ปี เหตุการณ์ต่างๆก็บานปลาย กลายเป็น ‘สนิมเนื้อใน’ กัดกร่อน จนช่วงโค้งสุดท้ายรัฐบาลอีก 1 ปี หมดสมัย จึงเปิดหน้าท้าชนกัน 

ท่ามกลางสัมพันธ์ ‘3ป.’ ที่ระส่ำระส่าย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถูกมองว่า ‘เลือดข้นกว่าน้ำ’ หลังสื่อถาม ‘อนุทิน’ ว่าเป็นการกดดัน นายกฯ ให้เลือก พล.อ.อนุพงษ์ หรือ ตนเอง หรือไม่ 

“ระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ กับ อนุทิน ไม่ต้องถาม นายกฯ จะเลือกใคร ท่านเป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องถาม รู้สี่รู้แปด ภาษาบรรพบุรุษผมที่มาจากจีน เขาเรียก ‘อูตั่วอูโส่ย’ แปลว่า รู้สี่รู้แปด รู้ใหญ่รู้เล็ก ไม่ได้เทียบกันตรงนั้น คนละเรื่องกัน ถามออกทะเลแล้ว ไม่ต้องการให้เลือก เพราะ เลือกประชาชน” อนุทิน กล่าว

อนุทิน ธรรมนัส -EAB3-4B89-B605-6C53F1454017.jpeg

ดังนั้น คำตอบนี้จึงพอมองเห็นคำตอบในอนาคตอยู่บ้าง และแต่ละฝ่ายโยนให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาร่วมกัน แต่งานนี้ ‘อนุทิน’ ทิ้งบอมม์อีกลูก ว่า “การที่ 7 รมต. พรรคภูมิใจไทย ไม่เข้าร่วมประชุม ครม. ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกฝ่ายรับทราบหมด ทั้งทีมงานนายกฯก็ได้มีการพูดคุย และประสานงานกันมาโดยตลอด การเป็นรัฐบาล ไม่ใช่พวกมากลากไป ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำได้ ถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ต้องเข้า ครม.”

ประยุทธ์ อนุทิน ศักดิ์สยาม ภูมิใจไทย -4B0E-A218-8A9464FCF18E.jpeg

นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวทำนองว่า “กลุ่มสามมิตร” นำโดย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม จะทิ้ง พปชร. ไปซบพรรคภูมิใจไทยแทนหรือไม่ เพราะ “อนุทิน” กับ “สมศักดิ์” มีสายสัมพันธ์เมื่อครั้งตั้งพรรคภูมิใจไทยปี 2552 ซึ่งขณะนั้น “สมศักดิ์” เป็นแกนนำ ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ในพรรคภูมิใจไทย หลังพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตยถูกยุบไป เชื่อกันว่างานนี้ “อนุทิน” ก็เป็นเสือซุ่มแอบหวัง “นายกฯส้มหล่น” ในอนาคตเช่นกัน

จึงต้องจับตาว่า พล.อ.ประวิตร จะได้รับสัญญาณนี้หรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวที่ทำให้ฉุกคิดขณะให้สัมภาษณ์ยืนยันไม่ไปพรรคไหน ว่า “ไม่ไปไหน มีแต่สื่อจะไล่ และไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ พรรคจะแตกยังไง ถ้าผมยังอยู่ รัฐมนตรีก็ยังอยู่หลายคน” พร้อมมองไปที่ ‘สันติ พร้อมพัฒน์’ รักษาการเลขาธิการ พปชร. และกล่าวว่า “ก็อยู่กันทุกคน ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ และพรรคยังรักกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไร”

แน่นอนว่า “ระบอบ 3 นายพล” กำลังถูกท้าทายอย่างหนักจาก “ผู้กอง” ทั้งทางตรงก็ทางอ้อม จึงมีการมองถึงชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์ ช่วงกลางปี 2565 ที่จะเป็นทางแพร่งสำคัญ

หากฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ช่วงเปิดสมัยประชุมรัฐสภาครั้งหน้า เพราะเมื่อยื่นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สามารถยุบสภาได้ และหากถูกลงมติไม่วางใจก็ต้องไปทั้ง ครม. ด้วย และ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเผชิญคือสภาวะ “เกลือเป็นหนอน” จากคนฝั่งรัฐบาลด้วยกัน

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงท่าทีสู้กลับ โดยร่อนถ้อยแถลงพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค 2022 ที่จะจัดขึ้นเดือน พ.ย.นี้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจ เพื่อทำการยุบสภาฯ ต้นปี 2566 เท่ากับอยู่ครบวาระ 4 ปี 

ประยุทธ์ -EEE1-45E3-899B-17FEEE11148E.jpeg

สำหรับเป้านิ่งใหญ่หนีไม่พ้น ร.อ.ธรรมนัส ทีผ่านมาเรียกได้ว่าใช้ “ยุทธวิธีทหาร” คือ การเปิดเกม “รุกเร็วแรง” เพื่อไม่ให้ตัวเองอยู่ในสถานการณที่เสียเปรียบและรีบแก้เกม เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง หลัง ร.อ.ธรรมนัส ถูกบีบอย่างหนักเมื่อครั้งอยู่ภายใน พปชร. จนสุดท้ายได้ขอให้ พปชร. ขับออก เพื่อไปอยู่พรรคใหม่ พร้อมขน ส.ส. เกือบ 20 คนไปอยู่ด้วย จึงสร้างอำนาจต่อรองและอิสระมากขึ้น เป็นไปตามคำเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ระวังจะเป็นการ “ปล่อยเสือเข้าป่า” 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั้ง “2ป.ประยุทธ์-ประวิตร” ต่างปูทาง “พรรคสำรอง” ถือเป็นภาพสะท้อนการเมืองในอนาคตด้วยว่า สุดท้ายระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะมีจุดจบอย่างไร แม้แต่การที่ พล.อ.ประวิตร ตั้งเป้า พปชร. จะได้แค่ 150 ที่นั่ง ในการเลือกตั้ง ส.ส. สมัยหน้า ก็เป็นอีกภาพสะท้อนด้วย เพราะพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคใหญ่เหมือนกัน หวังถึงขั้น “แลนด์สไลด์” เลยทีเดียว 

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องคิดหนักจะเอาอย่างไรกับตัวเอง เพราะในเวลานี้ยังไม่สามารถให้คำตอบชัดเจนถึงอนาคตทางการเมือง เช่น การเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 ก็โต้สื่ออย่าถามดักหน้า ให้เป็นเรื่องของสถานการณ์ รวมทั้งการไปเป็น หหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เอง ก็ระบุว่าเป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องตัดสินใจ แต่ก็มีคำเตือน พล.อ.ประยุทธ์ มาว่าเมื่อถึงเวลานั้น หากเข้าไป พปชร. ระวังจะเหลือแต่ “ซาก” เท่านั้น เพราะ ส.ส. พปชร. แตกกระเจิงไปหมดแล้ว

จงอย่าลืมคำพูด “ศัตรูของศัตรูคือมิตร”!