งานนี้มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แซวแรง ร.อ.ธรรมนัส ทำนองว่า ‘ถ้าคะแนนเยอะขนาดนี้ มาเป็นนายกฯ ดีกว่า’ ต่อมา ‘เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย’รมว.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการ พปชร. ออกมาให้ข่าวว่า นายกฯ ไม่ได้พูด ทว่ากลับแย้งกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่าแซวและแหย่เล่นจริง แต่กลับถูกมองว่า ‘พูดแดกดัน’ มากกว่า
“ก็พูดแหย่พูดเล่นกันไม่ได้หรืออย่างไร จะเอามาเป็นประเด็นทุกเรื่องไม่ได้ บางเรื่องก็แสดงความยินดีว่า โอเค ได้มากหน่อย น้อยหน่อย ก็ไม่เป็นไร เพราะผ่านใช่ไหมล่ะ จะแซวอะไรก็เป็นเรื่องภายใน ก็แหย่กันเล่นไม่ได้หรอ ไม่ได้ตั้งใจให้สื่อเอาออกมาแพร่” นายกฯ กล่าว
ย้อนไป 20 ปีก่อน ร.อ.ธรรมนัส ลาออกจากราชการทหาร เมื่อปี 2542 ต่อมาอีก 2 ปี ช่วงปี2544 ได้ลงสู่สนามการเมืองเป็นหนึ่งในทีมยุทธศาสตร์เลือกตั้ง กทม. พรรคไทยรักไทย เรื่อยมาถึงพรรคพลังประชาชน และลงเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เมื่อปี2557 ทว่าหลังเหตุการณ์ รัฐประหาร 22พ.ค 2557 ชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ก็โลว์โปร์ไฟล์ไป เพราะติดบัญชีแบล็คลิสต์ คสช.
ช่วงก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ด้วย ‘อิทธิฤทธิ์พลังดูด’ ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ต้อง ‘ย้ายขั้วสลับข้าง’ มาอยู่ พปชร. โดย ร.อ.ธรรมนัส เคยระบุว่ามี ‘พี่ที่เคารพ’ ให้มาทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อสถาบัน เมื่อเข้ามา พปชร. เขาได้รับมอบให้เป็น ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ รวมทั้งลง ส.ส.พะเยา เองด้วย
เมื่อ พปชร. ชนะเลือกตั้ง แล้วเข้าสู่การ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ ร.อ.ธรรมนัส ถือเป็น ‘คีย์แมน’ ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ในการเดินสายตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะคุยกับ ‘พรรคเล็ก’ ที่มีมักแข็งข้อเสมอ ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ต้องงัดวิชา ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’ กำหราบให้ ‘ลิง’ อยู่ในโอวาท
เมื่อตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ร.อ.ธรรมนัส ถูกขุด ‘แผลในอดีต’ ถึงคดีความต่างๆ ขัดต่อ ‘คุณสมบัติรัฐมนตรี’ ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมทั้งการใช้ ‘ยศร้อยเอก’ เมื่อรายชื่อ ครม. ออกมาเป็นทางการ พร้อมยศ ‘ร้อยเอก’ ก็ถือว่าจบไปในเรื่องนี้ และมาพร้อมกับ ‘ทรงผมใหม่’ ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ทำให้ถึง ‘บางอ้อ’ กันถ้วนหน้า
ทว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังคงถูกจองกฐินซักฟอกทั้ง 2 งวด และได้รับฉายาจากสื่อทำเนียบฯว่า ‘เทามนัส’ และเจ้าตัวก็เคยยอมรับว่าเป็นเสมือน ‘เส้นเลือดใหญ่’ ที่หล่อเลี้ยงหัวใจรัฐบาล ทำให้ตกเป็นเป้า
ครั้งที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้คะแนนซักฟอกที่โหล่ ทำให้หวิดหลุด ครม. ทั้งคะแนนและภาพลักษณ์
ทว่ายังคงเป็น ‘รัฐมนตรีเก้าอี้เหนียว’ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส คาใจ ‘เฮียยักษ์-วิรัช รัตนเศรษฐ’ ประธานวิปรัฐบาล ที่คุมเรื่องเสียงโหวต แต่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ‘บารมี’ ของ ร.อ.ธรรมนัส แผ่ขยายใน พปชร. ไม่น้อย เปรียบเป็น ‘มือขวา’ ของ พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว
เมื่อ ‘บารมีเกิด’ ย่อมมี ‘แรงเสียดทาน’ ตามมา เพราะแสงบารมีไปแยงตาคนอื่น เช่นการหนุนชื่อ ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ลงชิงผู้ว่าฯกทม. โดยงานนี้ไปขัดกับ ‘ตั้น-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ’รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะ รองหัวหน้า พปชร. ที่ประกาศชัดหวังส่ง ‘มาดามอีฟ-ทยา ทีปสุวรรณ’ ภรรยา จะลงชิงผู้ว่าฯกทม. โดยได้เปรยกับ พล.อ.ประวิตร ไว้แล้ว ถือเป็นการ ‘กระตุกหนวดเสื้อ’ ทับไลน์ ‘เจ้าพ่อนครบาล พปชร.’ อย่าง ‘ตั้น-ณัฏฐพล’ ไปเต็มๆ
ทั้งนี้คงไม่มีเหตุการณ์ใดชัดไปยิ่งกว่า การลงพื้นที่มอบทุนการศึกษา เขตหนองจอก ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ปรากฏกายพร้อม ‘เสธ.หิ’พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีต ผบ.ร้อยสารวัตรทหารประจำ บก.กองทัพไทย เพื่อน ตท.25-จปร.36 กับ ร.อ.ธรรมนัส ไปร่วมลงพื้นที่ด้วย
แถมมี ‘ถาวร เสนเนียม’รมช.คมนาคม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏตัวด้วย พร้อมอ้อนฝาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไว้กับชาว กทม. เรียกได้ว่า ‘ไม่มีกั๊ก-ไม่มีเหนียม’ แม้จะบอกว่าสุดท้ายก็อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะต้องแยกเรื่องความสัมพันธ์กับการเมืองก็ตาม
มาพร้อมการ ‘งัดข้อยกสอง’ กรณีเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ซึ่ง พปชร. ส่งลงชิงด้วย ทำให้ ปชป. ออกมาถามหา ‘มารยาทการเมือง’ จาก พปชร. ทว่างานนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้แคร์ รวมทั้งเชื่อมั่นจะชนะด้วย
ว่ากันว่าเกมนี้ ‘ตั้น-ณัฏฐพล’ เคยเสนอเบรกไปแล้ว แต่ ร.อ.ธรรมนัส ดึงดันให้ส่งลงชิงกับ ปชป. ทำให้ ส.ส.พลังประชารัฐ สายใต้ ผนึกกำลังเต็มที่ เพราะหวังได้เก้าอี้รัฐมนตรีบ้าง เพราะสายใต้ได้ ส.ส. 13 คน แต่กลับอดร่วม ครม.
เรียกได้ว่า ‘ตั้น-ณัฏฐพล’ โดนขย่มรอบทิศ สะท้อน ‘บารมี’ ร.อ.ธรรมนัส แต่แผ่ขยายไม่หยุด
ยังไม่จบเท่านี้ แม้ พล.อ.ประวิตร จะปิดห้องคุยกับ ส.ส. ก่อนลงมติไม่ไว้วางใจ เพื่อให้รัฐมนนตรีได้คะแนนไว้วางใจไล่เลี่ยกัน โดยเฉพาะชื่อ ‘ตั้น-ณัฏฐพล’ กับ ‘เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น’รมว.แรงงาน ที่ส่อรั้งท้าย ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อไปเช็คการลงมติจะพบว่าเกิดจาก ‘พรรคเล็ก’ นั่นเอง ทำให้ถึง ‘บางอ้อ’ อีกครั้ง เพราะคะแนนพรรคใหญ่ที่ให้ ‘ณัฏฐพล-สุชาติ’ ไม่มีแตกแถว
แม้แต่ ‘พรรคเล็กฝ่ายค้าน’ บารมีของ ร.อ.ธรรมนัส ก็แผ่ไปถึง นั่นคือ ‘พรรคเพื่อชาติ’ โดยพบว่าลงคะแนน ‘งดออกเสียง’ ให้กับ ร.อ.ธรรมนัส ด้วย
อย่างไรก็ตาม ‘บารมี’ ของ ร.อ.ธรรมนัส แผ่ไปถึง ‘กระทรวงมหาดไทย’ เป็นที่พูดกันในรั้วมหาดไทยว่า ร.อ.ธรรมนัส มาดูเรื่องการจัดโผด้วย เพราะถือเป็น ‘มือไม้’ ของ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’
อีกบุคคลที่ต้องกล่าวถึงคือ ‘เสธ.ไอซ์’ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ผู้ล่วงลับไปแล้ว อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. นายทหารผู้กว้างขวาง เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10-จปร.21 กับ พล.อ.อนุพงษ์ และ ตท.10 กับ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร โดยในยุครัฐบาลทักษิณ พล.อ.ไตรรงค์ มีบทบาทไม่น้อย ในการเป็น ‘มือทำงาน’ ที่สำคัญ
โดย ร.อ.ธรรมนัส กับ พ.ท.หิมาลัย ถือเป็น ‘น้องเลิฟ’ ของ พล.อ.ไตรรงค์ ซึ่งทั้ง 3 คน ก็เคยอยู่ใน ‘แบล็คลิสต์’ ของ คสช. หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ซึ่งสุดท้าย ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ก็เข้าหา เพื่อให้มาเป็น ‘มือทำงาน’
อย่างไรก็ตาม การที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้คะแนนไว้วางใจ ‘แซงหน้า’ พล.อ.ประยุทธ์ และได้เสียงไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด ทำให้แรงกระเพื่อมการ ‘ปรับ ครม.’ เกิดขึ้นทันที
โดยครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ก็หวังขึ้น ‘รัฐมนตรีว่าการ’ โดยว่ากันว่าเล็ง ‘ก.พลังงาน’ ไว้อยู่ด้วย ซึ่งเป็นอีกเก้าอี้ที่ ‘ก๊กสามมิตร’ เคยหวังไว้ด้วย งานนี้ทั้ง ‘พี่ตู่-พี่ป้อม’ ปวดหัวแน่นอน
จาก ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’
กลายเป็น ‘ฤาษีแผ่เบี้ย’ !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง