สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันความเห็นต่างเรื่องประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกลไม่ใช่ความขัดแย้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีความเห็นต่างที่พรรคก้าวไกลขอยืนตามความเห็นของพรรคในประเด็น พ.ร.บ.โอนกำลังพล เพื่อไทยก็เคารพและให้เกียรติ วันนี้พรรคเพื่อไทยก็ขอยืนตามมติของพรรค จึงได้ยื่นญัตติไปก่อนหน้านี้ แม้เพื่อไทยอยากปิดจะสวิตซ์ ส.ว. ให้เร็วที่สุดก็ตาม เพราะพรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบโดยตรง หากยังมีการคงอำนาจ ส.ว. เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอีกครั้ง ก็เชื่อว่าไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่หากจะยื่นญัตติร่วมกับพรรคก้าวไกลที่ในมาตรา 269-272 อีกก็จะขัดหลักการของพรรค ที่ต้องการให้ ประชาชนเป็นผู้เขียน ผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ
และมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ ส.ว.จะยกมือปิดอำนาจของตัวเองในขณะนี้ เมื่อรู้ว่าจะแพ้ก็ไม่ควรยื่น แต่ควรจะทำเมื่อรู้ว่าจะชนะในการรบเพราะเชื่อว่า ยังมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อมีสถานการณ์สุกงอม สังคมมีความชัดเจนและพลังของผู้ชุมนุมมากพอ เปรียบเสมือนวัยรุ่นกับคนมีประสบการณ์ วัยรุ่นเมื่อมีปัญหาก็อาจจะเดินเข้าไปชกเลย แต่คนที่มีประสบการณ์จะต้องประเมินกำลังก่อน
พรรคเพื่อไทยจึงเห็นควรให้ ส.ส.ร.เป็นผู้ดำเนินการก่อน แต่หาก ส.ส.ร.ยัง ไม่ดำเนินการก็จำเป็นจะต้องยื่นเองในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าก็ได้แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
ส่วนพรรคก้าวไกล มองว่าพลังมวลชนสามารถกดดันให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตนเองได้ สุทิน ยอมรับและขอคารวะมวลชนมีพลังมากสามารถกดดันจนทำให้รัฐบาลยอมแก้รัฐธรรมนูญ แต่อาจจะไม่สามารถไปได้จนสุดซอยให้ ส.ว.ปิดสวิตซ์ตนเอง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมเองก็มีความชัดเจนว่าต้องการ ส.ส.ร. แต่หากวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการเปลี่ยนเป็นการแก้ไขรายมาตราเพราะบอกว่าการมี ส.ส.ร.ทำให้ล่าช้า ก็ต้องมาพูดคุยหารือกันถึงหลักการและความเป็นไปได้ อะไรที่เป็นไปได้ก็ต้องดำเนินการก่อนซึ่งตนเชื่อว่าวันนี้เห็นตรงกันในหลักการแต่ต่างกันในรายละเอียด พร้อมย้ำว่าส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเห็นชอบในหลักการที่ต้องการให้มี ส.ส.ร. เพราะมีความเป็นไปได้มากกว่า