วันที่ 21 ส.ค. 2566 ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พรรคการเมืองรวม 11 พรรค จำนวน 314 เสียง แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยเน้นย้ำไม่มีการแก้ไข มk9ik 112 และไม่มีพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดมีมติเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยต่อที่ประชุมรัฐสภา
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการรวบรวมพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล และแบ่งงานต่มกระทรวงไว้ ดังนี้
ขณะที่พรรคอื่นๆ อีกจำนวน 5 พรรค ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า 2 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง พรรคท้องที่ไทย 1 ที่นั่ง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายของแต่ละพรรคมาตกลงเรื่องการร่วมมือ และแบ่งงานกันทำ โดยทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันจะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น เงินดิจิทัล, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้ง และสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ
อีกทั้งแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ พรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วม พร้อมปรับ เสริม หรือประสานนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
นอกจากนี้ การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่บนฐานความรับผิดชอบต่อประชาชนในสถานการณ์ที่ปัญหาทุกด้านส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องรุนแรง แม้พรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทกรรมหรือคำกล่าวหาที่รุนแรงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรารับรู้ความขัดแย้งดังกล่าวด้วยใจที่เป็นธรรม และตั้งใจมุ่งสู่เป้าหมายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นเป้าหมายหลักในวาระนี้คือการเข้ามาร่วมรับผิดชอบในวาระประเทศและวาระของประชาชน
พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายด้วยการแก้ปัญหาให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งทำงานเพื่อฟื้นโครงสร้างเศรษฐกิจ กำหนดนโยบายพัฒนามาตรการกลไกเพื่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างสร้างสรรค์
พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะมีอดีตพรรคการเมืองในรัฐบาลที่แล้วร่วมรัฐบาล แต่ทุกพรรคจะร่วมกันทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ดังเช่นที่ทุกพรรคการเมืองได้เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และจะร่วมกันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ขอรับการสนับสนุนจาก สว. และ สส. ทุกพรรคการเมือง มาร่วมกันผลักดันวาระประเทศ เพื่อดำรงความมุ่งหมายที่มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ และดูแลสถาบันหลักของชาติเป็นสำคัญ ร่วมกันลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งในประเทศ ร่วมกันพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่ง และการกินดีอยู่ดีของประชาชน และมีความเป็นประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ขึ้น
เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นจะแก้ไขเฉพาะรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งฉบับ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เจตจำนงของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นการแก้ไขเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ส่วนการพูดคุยในรายละเอียดนั้นต้องเจรจากันอีกที ซึ่งย้ำว่าจะเป็นวาระแรกของการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะทำคู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ส่วนการกำหนดกระทรวงต่างๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ดูแลนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราได้กำหนดสัดส่วนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นรายละเอียดของแต่ละพรรคที่ต้องจัดการ แต่ไม่สามารถนำเสนอตรงนี้ได้ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ และขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของท่าที สว. ที่จะสนับสนุน เศรษฐา นั้น ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ดำเนินการที่จะแสวงหาคะแนนให้กับ เศรษฐา ซึ่ง คณะทำงานในส่วนนี้อยู่ในขั้นที่เราพึงพอใจ และการที่พรรคเพื่อไทยจะพิจารณาคัดเลือก หรือเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้เป็นนายกฯ ก็ผ่านการกลั่นกรองมาอย่างถี่ถ้วน จึงมั่นใจในคุณสมบัติ และยังไม่มีแผนเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ มั่นใจว่าผ่านตั้งแต่รอบแรก