การศึกษาล่าสุดพบว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ AV ปล่อยก๊าซคาร์บอนเทียบเท่ากับเบลเยียมทั้งประเทศ พร้อมแนะนำว่า ควรมีมาตรการควบคุมไม่ให้ต้องส่งภาพที่มีความละเอียดสูงเกินความจำเป็น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนลง
เดอะชิฟต์โปรเจค สถาบันวิจัยของฝรั่งเศสเปิดเผยรายงานการวิจัย ซึ่งระบุว่า เทคโนโลยีดิจิทัลใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆปี และ 60 เปอร์เซ็นต์ของกระแสข้อมูลทั้งโลกมาจากวิดีโอออนไลน์ ซึ่งยังไม่รวมการสไกป์หรือการไลฟ์สดต่างๆ ซึ่งผู้เขียนรายงานนี้คำนวณปริมาณการผลิตคาร์บอนจากรายงานทราฟฟิก หรือจำนวนผู้เข้าชมวิดีโอทั่วโลกของบริษัท Cisco และ Sandvine แล้วคำนวณว่าจะต้องใช้ไฟฟ้าเท่าไหร่ในการขับเคลื่อนทราฟฟิกนี้
วิดีโอออนไลน์ทั้งหมดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 300 ล้านตันต่อปี บริการสตรีมวิดีโอต่างๆ เช่น เน็ตฟลิกซ์ แอมะซอนไพรม์วิดีโอ เอชบีโอนาว คิดเป็น 1 ใน 3 ของวิดีโอออนไลน์ทั้งหมด และปล่อยก๊าซคาร์บอนในปริมาณเท่ากับเศรษฐกิจชิลีทั้งหมด โดย 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนมาจากการสตรีมวิดีโอที่เป็นหนัง AV สามารถเทียบปริมาณได้กับที่เบลเยียมทั้งประเทศปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนสาขาบ้านอยู่อาศัยของฝรั่งเศส
รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า เทคโนโลยีดิจิทัลผลิตก๊าซเรือนกระจกออกมามากถึง 4 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเครื่องบินพาณิชย์ และยิ่งคนหันไปผลิตวิดีโอคุณภาพสูงขึ้นก็ยิ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ปริมาณที่อุตสาหกรรมดิจิทัลจะปล่อยก๊าซคาร์บอนในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 2 เท่า ซึ่งนักออกแบบบริการดิจิทัลจะต้องคิดให้ละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบทั้งหมดจากบริการตัวเอง ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ด้วยการอัปเกรดอุปกรณ์ดิจิทัลให้น้อยครั้ง มีอุปกรณ์ดิจิทัลให้น้อยลง และไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกที่ทุกเวลา