Go Global ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556
ไต้ฝุ่นไฮยานที่บุกถล่มฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้สร้างความเสียหายอย่างมาก ทั้งในแง่ชีวิตประชาชนและความสูญเสียทางกายภาพ ยอดผู้เสียฃีวิตในขณะนี้อยู่ที่มากกว่า 3,600 คนและมีผู้ผลัดถิ่นอีก 2 ล้านคน ด้วยปัญหาที่เกิดจากสภาพภูมิประเทศและความยากจน ผสมกับปัญหาคอร์รับชั่นที่มีอยู่ยาวนาน ทำให้รัฐบาลทุกชุดไม่สามารถป้องกันและแก้ไขภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ต้องเผฃิญกับภัยเช่นนี้มากกว่า 300 ครั้ง รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจในการลงทุนในเรื่องการให้การศึกษาต่อประชาชนในแง่ของการเตรียมพร้อม หรือในเรื่องการสร้างอาคารที่สามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้ ปัญหาเช่นนี้นำไปสู่ความล่าช้าในการฟื้นตัวของฟิลิปปินส์ในสถานการณ์ปัจจุบัน
อินโดนีเซียประกาศลดระดับความสัมพันธ์ที่มีต่อออสเตรเลีย และเรียกเอกอัครราชทูตที่กรุงแคนเบอร์ร่ากลับประเทศ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่หน่วยงานข่าวกรองของออสเตรเลียนแอบดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำอินโดนีเซีย คือ ประธานาธิบดีซูซิโล บำบัง ยูโดโยโน ซึ่งได้รับการเปิดโปงจากนายเอ็ดเวิร์ด สโนเดน ชาวอเมริกาซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการลี้ภัยในรัสเซีย ทางด้านอินโดนีเซียนั้นได้เรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียออกมาอธิบายเรื่องนี้อย่างเป็นทางการและกล่าวคำขอโทษ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากนายกรัฐมนตรีโทนี่ แอ๊บบ๊อตแต่อย่างใด
สื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ได้เสนอข่าวเรื่องการตีความของศาลรัฐธรรมนูญของไทยในข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งสื่อเหล่านี้ต่างแสดงความสงสัยต่อการตีความดังกล่าว โดยเฉพาะในการประกาศของศาลที่ว่า การเปิดให้สมาชิกของวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมดนั้นขัดต่อหลักประชาธิปไตย โดยสื่อเหล่านี้สรุปได้ว่า ความเคลื่อนไหวของศาลรัฐธรรมนูญนั้นน่าจะอยู่ที่ความต้องการในการลดอิทธิพลของพรรคเพื่อไทยและการลดความสำคัญของการเมืองที่ตั้งอยู่บนการเลือกตั้ง ขณะที่ศาลเองก็ไม่มีความชอบธรรมรองรับ เพราะได้รับการจัดตั้งในบริบทหลังการทำรัฐประหารและไม่ได้รับอาณัติจากประชาชน