UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งในตะวันออกกลางของไทย โดยตลาดที่น่าสนใจนอกจากสินค้าเดิมๆที่ส่งออกเป็นประจำทุกปี คือสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่ม
UAE หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจในการขยายสินค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทย UAE ซึ่งประกอบไปด้วย 7 รัฐ ได้แก่ อาบูดาบี อัจมาน ดูไบ ฟูไจราห์ ราสอัลไคมาห์ ชาร์จาห์ และอุมม์อัลไกไวน์ เป็นประเทศที่ประชาชนมีฐานะและมีกำลังซื้อสูง มีเงินทุนสำรองและมีกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) ที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก UAE ยังได้เปรียบเรื่องภูมิศาสตร์ เป็นศูนย์กลางการค้าและจุดส่งออกต่อ (re-export) สินค้าที่ดีที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย
สำหรับความสำคัญของการค้าของไทยกับ UAE ที่ผ่านมา UAE เป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในตะวันออกกลาง โดยตามข้อมูลของสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2556-2559 มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ที่ประมาณ 2 พัน 9 ร้อยล้าน - 3 พัน 2 ร้อยล้านดอลลาร์ โดยในปี 2559 สินค้า 5 อันดับแรกที่นำเข้าจากไทย คือ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องจักรกล อัญมณีและเครื่องประดับ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์จากไม้
สินค้าอีกประเภทที่น่าสนใจ คืออาหาร โดยประชากรใน UAE มีประมาณ 9 ล้านคน ทำให้มีความต้องการอาหารตามมาตรฐานฮาลาลสูงมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้ ไทยจะส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลไปยังกลุ่มประเทศองค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) เป็นอันดับที่ 12 รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่ภายในปี 2563 รัฐบาลไทยก็ตั้งเป้าให้ไทยเป็น 1 ใน 5 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารฮาลาลโลก
ตามข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม UAE มีความสามารถในการผลิตอาหารระดับต่ำ มีผลผลิตและวัตถุดิบทางการเกษตรต่ำ เพราะภูมิประเทศและภูมิอากาศ แต่มีการใช้จ่ายค่าอาหารต่อหัวสูงกว่าไทยถึง 2.4 เท่า และยังเป็นภูมิภาคที่ประสบปัญหาน้ำหนักตัวของคนในภูมิภาคสูงเกินมาตรฐาน ซึ่งเป็นช่องทางในการขยายกลุ่มอาหารประเภทฟังก์ชัน ซึ่งป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพ เน้นการบำรุงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น เครื่องดื่มบำรุงสมองหรือสายตา โดยสามารถขยายไปยังช่องทางร้านสะดวกซื้อหรือโมเดิร์นเทรด อย่างห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในภูมิภาคขณะนี้
นอกจากนี้ อาหารไทย ยังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคน UAE เนื่องจากมีรสชาติเผ็ดและหนักเครื่องเทศคล้ายอาหารอาหรับ ทำให้เครื่องปรุงสำเร็จรูปอาหารไทยได้รับความนิยมมาก โดยเมนูที่ฮิตมากคือต้มยำกุ้ง และแกงเขียวหวาน นอกจากอาหารแล้ว ผลไม้ไทยก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
คุณสุธีรัตน์กล่าวว่า ชาวอาหรับชอบกินมะม่วง จนถึงขั้นที่พูดกันว่า หากนั่งเครื่องบินของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสายการบินของ UAE แล้วไม่ได้ดื่มน้ำมะม่วงบนเครื่องบิน ถือว่ายังมาไม่ถึง UAE /แต่ภูมิภาคนี้ไม่ได้นำเข้ามะม่วงจากไทยเจ้าเดียว ยังมีส่วนแบ่งตลาดอีก 2 เจ้าคืออินเดียและปากีสถาน ซึ่งตามข้อมูลของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ในปี 2558 มะม่วงเป็นผลไม้อันดับ 5 ที่ไทยส่งไปตะวันออกกลางและ UAE โดยอันดับ 1 คือเงาะ ตามด้วยมังคุด ลำไย มะขามหวาน มะม่วงเป็นอันดับที่ 5 และลิ้นจี่เป็นอันดับที่ 6 นอกจากนี้ยังมีสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง ที่คุณสุธีรัตน์กล่าวว่าได้รับความนิยมมาก โดยใน 1 เดือนเฉลี่ยส่งออกไปยัง UAE ประมาณ 50 ตู้คอนเทนเนอร์
คุณสุธีรัตน์ย้ำว่า ชาว UAE รู้จักไทย ชอบความเป็นไทย และเลือกสินค้าที่มีตรา Made in Thailand มากกว่าสินค้าประเภทเดียวกันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะมาจากเหตุผลด้านการท่องเที่ยวด้วยส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม UAE จะมีความกังวลเรื่องตราสินค้าและใบประกาศรับรองสินค้าฮาลาลมาก ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่มีปัญหาในจุดนี้ ก็สามารถเข้าตลาด UAE ได้ โดยได้รับความสนับสนุนจากทั้ง 2 รัฐบาล ทั้งรัฐบาลไทยที่ผลักดันผู้ประกอบการให้เข้าสู่ตลาดนี้ และรัฐบาล UAE ที่ส่งเสริมการค้าการลงทุน สนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจเสรีทั้งภาคการผลิตและภาคกระจายสินค้า