แม้เมียนมาจะเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามอยู่หลายแห่ง และรัฐบาลก็สนับสนุนและตั้งเป้าให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ แต่ปรากฎว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมากลับลดลงและห้องพักตามโรงแรมต่างๆมีแขกเข้าพักไม่ถึงครึ่ง
หลังจากที่เมียนมาเริ่มเปิดประเทศมาตั้งแต่ปี 2011 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เป็นความหวังหลักที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นเงินจำนวนมหาศาล เพราะเมียนมาก็มองตัวเองว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธรรมชาติหรือประวัติศาสตร์ ไม่แพ้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆของโลก จึงต้องการที่จะผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของโลกด้วย
เมื่อปี 2013 กระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมของเมียนมาจึงได้ร่างแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเมียนมา ตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อปี ปีละ 7,500,000 คน ภายในปี 2020 ซึ่งมากกว่าสมัยที่เมียนมาปกครองโดยรัฐบาลทหารถึง 10 เท่า และการท่องเที่ยวจะนำรายได้เข้าประเทศปีละ 10,200 ล้านดอลลาร์ แต่ว่าฝันของเมียนมาก็อาจจะยังไม่ใกล้ความเป็นจริง เนื่องจากกระทรวงท่องเที่ยวและการโรงแรมของเมียนมาเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว ลดน้อยลงกว่าปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ 38 จาก4,700,000 คน เหลือ 2,900,000 คน
แม้ว่าจะมีการลงทุนสร้างโรงแรมมากถึง 1,300 แห่ง ตั้งแต่ช่วงปี 2011 - 2015 และก็มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามามากว่า 2,700 ล้านดอลลาร์ แต่ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเมียนมากลับไม่เพิ่มตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้โรงแรมส่วนใหญ่ในเมียนมามีห้องว่างเหลือจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของเมียนมา ซึ่งสถิติของสมาคมการท่องเที่ยวของเมียนมาระบุว่ามีห้องพักว่างกว่า 5,000 ห้อง ที่ไม่มีแขกเข้าพักในแต่ละวัน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนเคยเข้ามาเขียนรีวิวใน Trip Advisor ว่า ทั้งโรงแรมมีแค่เขาคนเดียวที่เข้าพักและไม่เคยเห็นแขกคนอื่นในโรงแรมเลย
สถิติของสมาคมการท่องเที่ยวเมียนมายังชี้ว่าแม้แต่ในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆอย่าง ย่างกุ้ง หรือ พุกาม จำนวนห้องพักก็ยังมีเหลืออยู่มาก โดยโรงแรมต่างๆมียอดการจองห้องพักเพียงแค่ร้อยละ 40 ในช่วงฤดูฝน และในช่วงพีคของฤดูการท่องเที่ยว ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงมีนาคม ยอดการจองห้องพักก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไร อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50
นาย พอล โรเจอร์ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวให้กับรัฐบาลเมียนมาบอกว่า การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับประเทศที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนอย่างเมียนมา เมียนมายังต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการสร้างโรงแรมให้มีความปลอดภัยและไม่ทำลายทัศนียภาพของแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมียนมาที่สร้างใกล้กับแหล่งโบราณสถานมากเกินไปจนทำลายทัศนียภาพ นอกจากนี้ เมียนมายังมีข่าวแง่ลบด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากเกินไป ทำให้ประเทศต่างๆยังคงไม่สนับสนุนและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมียนมามากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่มากตามเป้า แต่รัฐบาลเมียนมาก็ยังคงเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของตัวเองว่าจะยังเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จึงกำลังเร่งก่อสร้างขยายท่าอากาศยานในนครย่างกุ้งให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนในปีหน้า เทียบเท่าท่าอาศยานของเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างบาหลี และยังมีแผนจะสร้างท่าอากาศยานแห่งที่ 2 ที่จะรองรับผู้โดยสารได้อีก 12 ล้านคน