รายได้ของโปรแกรมแชทไลน์ ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แตะที่ 192 ล้านเหรียญ จากรายได้ของการขายไอเทมในเกมส์และผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง มาจากสามประเทศหลัก คือ ญี่ปุ่น ไทย และไต้หวัน
หลังจากวันก่อน เฟสบุคได้ประกาศผลดำเนินงานของ WhatsApp ซึ่งเฟสบุคได้ซื้อมาในราคา 18 ล้านเหรียญ ระบุว่า บริษัทมีผลขาดทุนในครึ่งปีแรกของปีนี้ ในขณะที่ไลน์ คู่แข่งกลับมีผู้ใช้งานราว 500 ล้านคน และประกาศรายได้ว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงสองเท่าจากข้อมูลไตรมาส 3 ปีนี้
ไลน์ซึ่งยังไม่เปิดเผยผลกำไร-ขาดทุนทั้งหมด และวันนี้เปิดเผยว่า ทำรายได้ราว 192 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 104.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากไตรมาสที่แล้ว โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม เช่น สติ๊กเกอร์ รวมถึงการเปิดตัวเกมส์ต่างๆ ที่จัดจำหน่ายโดย Line และรายได้ที่เกิดจากการขายไอเท็มเกม หรือ in-app purchase อีกด้วย
ไลน์แถลงว่า มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 170 ล้านคนในแต่ละเดือน และผู้ใช้กว่าครึ่ง มาจากสามประเทศหลัก คือญี่ปุ่น ไทย และไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่นิยมใช้โปรแกรมสนทนา นอกจากตลาดเหล่านี้แล้วไลน์มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านคน ในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งสหรัฐอเมริกาและอินเดีย
ไลน์เพิ่งเลื่อนโครงการที่จะทำ IPO ทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าน่าจะได้เงินกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะใช้แอพ Line Manga เพื่อเพิ่มยอดดาวน์โหลด และความผูกพันกับองค์กร และต้องการหาพันธมิตรเพื่อโปรโมตให้บริษัทเป็นที่รู้จักในตะวันตก และในตลาดอื่นๆ
แม้ตัวเลขของไลน์จะดูสวยหรู แต่แท้จริงแล้วผู้นำในตลาดสนทนาออนไลน์ ยังคงเป็นวอทส์แอพอย่างแน่นอน เพราะมียอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 600 ล้านคนในแต่ละเดือนแต่ไลน์และคู่แข่งอย่างวีแชทของจีน และกากาโอะของเกาหลี ก็น่าสนใจมากเช่นกัน เพราะพบว่าโมเดลของธุรกิจ ทำรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในกรณีของไลน์ พบว่ามีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการทำแคมเปญการตลาดในหลายประเทศ รวมทั้งออกโฆษณาทางโทรทัศน์ ในขณะที่
วอทซ์แอพใช้กลยุทธ์ปากต่อปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวเฟสบุคยังคงกังวลว่าจะทำรายได้ให้มากขึ้นได้อย่างไรในอนาคต เพราะผู้ก่อตั้งวอทซ์แอพได้ประกาศอีกครั้งแล้วว่า ไม่ต้องการรายได้ที่มาจากการโฆษณาหรือเกม เมื่อพูดถึงเกม ก็พบว่ามีเกมมากกว่า 50 เกม แต่ก็มีบริการขายสติคเกอร์และทำการตลาด เพื่อทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้ตามเป้าที่วางไว้