เอเชียทีค จัดสร้างเรือใบสามเสา เรือรบหลวงสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นแลนด์มาร์ครูปแบบใหม่ พร้อมขยายท่าเรือเพิ่มอีก 3 ท่า พร้อมตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 24 ล้านคน และมีรายได้ 550 ล้านบาทภายใน 2 ปี
นายมานพ คำสว่าง ผู้จัดการทั่วไป โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวว่า เอเชียทีค เตรียมสานต่อการเป็นผู้นำธุรกิจรีเทลริมน้ำ โดยจัดสร้างเรือใบสามเสา ที่นำต้นแบบมาจากเรือรบหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ความสูง 55 เมตร ใช้งบก่อสร้าง 50 ล้านบาท โดยก่อสร้างคืบหน้า 66%
รวมถึงการขยายท่าเรือเพิ่มอีก 3 ท่า จากปัจจุบันมี 1 ท่า ใช้งบประมาณ 120-130 ล้านบาท โดย 1 ใน 3 ท่านี้ มีความยาว 60 เมตร สามารถรองรับเรือ Dinner Cruise ได้พร้อมกัน 2 ลำ ช่วยรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเอเชียทีคด้วยเรือกว่า 4 พันคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมปรับพื้นที่อีก 1 พันตารางเมตร สำหรับจำหน่ายสินค้าสตรีทแฟชั่น เติมเต็มไลฟสไตส์คนเจนวาย คาดว่าทั้งหมดจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในเดือนพฤศจิกายน ปีหน้า (60)
คาดว่า ปีนี้ เอเชียทีคจะมีรายได้รวม 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 423 ล้านบาท โดยได้ปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ปัจจุบันค่าเช่าอยู่ที่ 1,600 บาทต่อตารางเมตร ปล่อยเช่าได้เต็ม 100% ทั้งนี้ จะใช้งบทำการตลาดปีละ 60 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตร พร้อมตั้งเป้ารายได้เพิ่มเป็น 550 ล้านบาทในอีก 2 ปี ข้างหน้า และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 24 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ 12 ล้านคน
ด้านนายสุรสิทธิ์ มานะวัฒนากิจ ผู้จัดการทรัพย์สิน 1 บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวถึงแผนพัฒนาเอเชียทีค เฟส 2 มีแผนพัฒนาโรงแรมขนาด 800 ห้อง ระดับ 5 ดาว พร้อมด้วยห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 3,000 ตารางเมตร และส่วนของรีเทล 10,000 ตารางเมตร ในพื้นที่เอเชียทีค
คาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 10,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการออกแบบ รวมถึงการพูดคุยกับเจ้าของโรงแรม เช่น แมริออท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ และเริ่มการก่อสร้างได้ประมาณปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี เปิดให้บริการปี 2563 รวมถึงอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาโครงการแบบเอเชียทีค ในจังหวัดเชียงใหม่และพัทยา
ปัจจุบัน เอเชียทีค มีร้านค้าประมาณ 1,500 ร้านค้า มียอดนักท่องเที่ยวเติบโต 20% แบ่งเป็นวันธรรมดาอยู่ที่ 30,000 คน ขณะที่สุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเพิ่มเป็น 5 หมื่นคน
ส่วนช่วงที่มีการจัดงานตามเทศกาลต่างๆ จะเพิ่มเป็น 80,000 - 100,000 คน สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติอยู่ที่ 40 ต่อ 60% โดยต่างชาติส่วนใหญ่มาจากไต้หวัน จีน เกาหลี ฮ่องกง อินโดนีเซีย และยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีนที่มาท่องเที่ยวเอง มีการใช้จ่ายในเอเชียทีคสูงกว่ากรุ๊ปทัวร์นำเที่ยวถึง 3 เท่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อคน