ไม่พบผลการค้นหา
ชิลีเพิ่งได้ประธานาธิบดีคนใหม่ หลังจากผลการเลือกตั้งประกาศออกมาว่า กาเบรียล บอริก อดีตแกนนำนักศึกษากำลังจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ หลังจากบอริกในวัย 35 ปี ถูกโจมตีตลอดการหาเสียง จากพรรคคู่แข่งฝ่ายขวาว่าเขาเองไร้ประสบการณ์การบริหารประเทศ

บอริกจะเข้าทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ.2022 ที่จะถึง และเขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ชิลี และอาจเป็นประวัติศาสตร์ของโลก

ทั้งนี้ บอริกประกาศว่าเขาเองจะพยายามหาจุดร่วมจากความแตกต่าง เพื่อนำพาชิลีเดินหน้าไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หลังชิลิประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองมาหลายปี วอยซ์ จึงขอพาคุณไปทำความรู้จักกับประธานาธิบคนใหม่ของชิลี ผู้มีอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายอย่างชัดเจนในโอกาสนี้

ชาวชิลีเชื้อสายโครเอเชีย-กาตาลูญญา

กาเบรียล บอริก (Gabriel Boric) หรือชื่อเต็มที่ว่า กาเบรียล บอริก ฟอนต์ (Gabriel Boric Font) เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1986 เป็นบุตรชายของ ลูอิส บอริก วิศวกรเคมี ผู้เป็นพ่อที่มีเชื้อสายโครเอเชีย และ มาเรีย ฟอนต์ ผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายกาตาลูญญา

บอริกเกิดที่เมืองปุนตาอาเรนัส เมืองหลวงของแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนาในประเทศชิลี ก่อนได้รับการศึกษาในโรงเรียนบริติชสคูล ณ เมืองเกิดของเขา หลังจากนั้นใน ค.ศ.2004 บอริกได้ย้ายตัวเองไปยังเมืองซานติอาโก เมืองหลวงของชิลี เพื่อเข้าศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิลี

000_9QL66D.jpg

ปัจจุบัน บอริสคบหาดูใจอยู่กับ อิรินา คารามาโนส (Irina Karamanos) หนึ่งในสมาชิกพรรค Convergencia Social และแกนนำกลุ่มสตรีนิยมในชิลี โดยสำหรับตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของชิลีนั้น คารามาโนส ระบุว่าอาจมีการพิจารณาในการปรับแต่งตำแหน่งดังกล่าวเสียใหม่ นอกจากนี้ สำหรับความเชื่อส่วนตัวนั้น บอริสเป็นกลุ่มปัญญาชนผู้ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า เนื่องจากเขาเห็นว่าพระเจ้าเป็นสิ่งพิสูจน์ไม่ได้ 

เป็นฝ่ายซ้ายตั้งแต่อยู่มัธยม

แนวคิดฝ่ายซ้ายก่อขึ้นในใจและหัวของบอริกมาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงมัธยม ในค.ศ.1999 และ 2000 บอริกมีส่วนร่วมในการรื้อฟื้นสหพันธ์นักเรียนมัธยมแห่งปุนตาอาเรนัส จนกระทั่งเขาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย บอริกได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ‘ฝ่ายซ้ายอิสระ’ (Autonomous Left) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ ‘นักเรียนอิสระ’ ซึ่งเป็นกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาฝ่ายซ้ายในชิลี

ใน ค.ศ.2008 บอริกยังได้เป็นที่ปรึกษาของสหภาพคณะนิติศาสตร์ ก่อนที่จะขึ้นครองตำแหน่งประธานใน ค.ศ.2009 บอริกเป็นแกนนำในการชุมนุมประท้วงคณบดีกว่า 44 วัน ทั้งนี้ บอริกยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิลีอีกด้วย

000_Mvd6433076.jpg

ใน ค.ศ.2011 บอริกได้เข้าท้าชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์นักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยชิลี (FECH) ก่อนจะคว้าชัยชนะเหนืออดีตประธานคนเก่าที่มาจากกลุ่มยุวชนคอมมิวนิสต์แห่งชิลี ในขณะที่บอริกกำลังเป็นประธาน FECH นั้น เขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำการประท้วงของนักศึกษา ใน ค.ศ.2011 โดยบอริกมีตำแหน่งเป็นโฆษกของกลุ่มนักศึกษา

ใน ค.ศ.2012 บอริกได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในร้อยผู้นำรุ่นเยาวชนของชิลี ผ่านการจัดอันดับของนิตยสารรายสัปดาห์อย่าง El Mercurio ชื่อเสียงด้านการประท้วง และอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายของบอริกยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

เข้าสู่งานการเมืองในสภา

หลังจากเรียนจบ ใน ค.ศ.2013 บอริกเข้าลงท้าชิงตำแหน่งในรัฐสภาชิลี ด้วยการเป็นผู้สมัครอิสระ ในฐานะตัวแทนจากแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา บอริกได้รับเลือกด้วยคะแนน 15,418 คะแนน คิดเป็น 26.18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดเท่าที่ผู้สมัครในแคว้นทุกคนได้ การคว้าชัยชนะของบอริกทำให้สื่อจับตาเขาอย่างมาก ในฐานะผู้ท้าชิงอิสระซึ่งขัดกันกับบรรยากาศทางการเมืองชิลีที่เป็นระบบสองพรรคใหญ่

บอริกสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่รัฐสภาชิลีในสมัยแรกของเขา เมื่อ ค.ศ.2014 โดยบอริกรับผิดชอบหน้าที่ในคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิชนพื้นเมือง พื้นที่พิเศษและพื้นที่ลาอันตาร์ตีกาชีเลนา ตลอดจนดูแลงานด้านแรงงานและประชาสังคม จนกระทั่งใน ค.ศ.2017 บอริกได้รับเลือกกลับเข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนในรัฐสภาอีกครั้งเป็นสมัยที่สอง

สู่การเป็นประธานาธิบดีคนใหม่

ใน ค.ศ.2021 บอริกประกาศลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีชิลี ภายใต้พรรค Convergencia Social โดยในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม บอริกได้ชนะไพรมารีโหวตของกลุ่ม Apruebo Dignidad ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของพรรคฝ่ายซ้ายต่างๆ ในชิลี ด้วยคะแนนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ โดยบอริกประกาศว่าเขาพร้อมจะทำงานร่วมกับผู้ท้าชิงที่แพ้ไพรมารีโหวต

000_9V223D.jpg

การแข่งขันขับเขี้ยวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลังบอริกได้รับเลือกลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีชิลี ที่มีคู่แข่งอย่าง โฮเซ่ แอนโทนิโอ คาสต์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายขวา ซึ่งมีนโยบายขวาสุดโต่ง ทั้งนี้ นอกจากนโยบายฝ่ายซ้ายของบอริกที่ไม่เข้าตาของมวลชนฝ่ายขวาแล้ว บอริกยังถูกโจมตีด้วยวาทกรรมว่าเขาเป็นคนอายุน้อย และไร้ประสบการณ์การบริหารประเทศมาโดยตลอดการหาเสียง

ทั้งนี้ บอริกคว้าชัยชนะมาด้วยคะแนนกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ และประกาศว่าเขาพร้อมทำงานเพื่อชาวชิลีทุกคน ท่ามกลางความพ่ายแพ้ของคาสต์ โดยคาสต์ยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมระบุกับมวลชนฝ่ายขวาของตัวเองว่า “พวกเราสามารถไว้ใจ กาเบรียล บอริก ได้” ในขณะที่บอริกยืนยันว่า ลัทธิเสรีนิยมใหม่ได้ก่อกำเนิดขึ้นในชิลี และชิลีเองจะเป็นหลุมศพฝังลัทธิเสรีนิยมใหม่เสียเอง