ไม่พบผลการค้นหา
"เทพไท" เผยอภิปรายงบประมาณปี '63 ต้องเปิดกว้างให้ทั้ง 2 ฝั่งได้อภิปรายในสัดส่วนเวลาที่เหมาะสม พร้อมแนะแก้มาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญ ลดแรงเสียดทานได้

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาสมัยวิสามัญ พิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ว่า การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล ถือว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล เพราะถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบทางการเมือง คือไม่ยุบสภา ก็ต้องลาออก เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และให้เวลาในการพิจารณาอย่างเต็มที่ ต้องให้โอกาสสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่และอย่างเปิดกว้างด้วย

ทั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงว่า สภาฯ ชุดนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชนทั่วทั้งประเทศ จะใช้มาตรฐานของสภา สนช.ชุดที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะสภา สนช.ใช้เวลาพิจารณางบประมาณวงเงิน 3 ล้านล้านบาท ใช้เวลา 30 นาทีก็ผ่านได้โดยสะดวก ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุด แต่อยากให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักว่า สภาฯ ชุดนี้ไม่ใช่สภาฝักถั่ว ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีสิทธิที่จะลุกขึ้นอภิปรายคัดค้าน หรือสนับสนุนงบประมาณของรัฐบาลชุดนี้อย่างไรก็ได้ 

แต่การกำหนดวันเวลาประชุมของฝ่ายรัฐบาลเพียง 2 วันอาจจะไม่เพียงพอ ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านอยากให้เปิดอภิปราย 5 วันก็เป็นเวลาที่มากเกินไป ส่วนตัวเห็นว่าจำนวนวันเวลาที่เหมาะสมน่าจะใช้เวลาประชุมจำนวน 3 วันน่าเพียงพอ และควรจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลอภิปรายในสัดส่วนเวลาที่ใกล้เคียงกัน เพราะในการประชุมทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเสียเปรียบเรื่องเวลาในการอภิปรายอยู่เสมอ จะถูกวิปสั่งให้รวบรัดการอภิปรายในเวลาที่จำกัด โดยมีข้ออ้างว่า เป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ควรอภิปรายอะไรมากมาย ถือว่าเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่ของ ส.ส. เพราะ ส.ส.ทุกคนอยากจะสะท้อนปัญหาของประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเอง เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบและนำไปแก้ไขปัญหาด้วย

ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้างบประมาณไม่ผ่านจะเดือดร้อนทั้งประเทศนั้น ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นการส่งสัญญานหรือข่มขู่ทางการเมือง แต่ท่านอาจจะเป็นห่วงว่า ถ้างบประมาณไม่ผ่านสภา ประเทศก็จะไม่มีงบประมาณแผ่นดินใช้ ต้องนำงบประมาณปี 2562 มาใช้ชั่วคราวเฉพาะส่วนงบรายจ่ายประจำเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในงบพัฒนาหรืองบลงทุนได้ จึงเป็นการสร้างความเดือดร้อนในทุกภาคส่วน แต่ถ้าหากงบประมาณไม่ผ่านสภาจริง ท่านจะใช้สิทธิประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ คนที่เดือดร้อนคือ นักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐบาลเท่านั้น สำหรับประชาชนทั้งประเทศจะยินดีปรีดามากกว่าเดือดร้อน เพราะจะได้มีโอกาสเลือกตั้งอีกครั้ง ก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจการเงินสะพัดมากกว่าโครงการ ชิม ช้อป ใช้ หลายเท่า

แนะแก้มาตรา 256 ใน รธน. ลดแรงเสียดทานได้

นอกจากนี้ นายเทพไท ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อยากจะให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงเป้าหมายและความสำเร็จในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าสิ่งอื่นใด และความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นการแก้ไขตามแนวทางข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ คือแก้ไขมาตรา 256 ก่อน จะทำให้ลดแรงเสียดทานได้ เพราะไม่มีผลกระทบต่อฝ่ายใดเลย แม้แต่ในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา ก็ไม่ได้ริดรอนสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น

การแก้รัฐธรรมนูญในทุกมาตรา ก็ต้องใช้เสียงสนับสนุนจาก สว.ในวาระ 1 คือต้องมีเสียงจาก สว.จำนวน 1 ใน 3 ของจำนวน สว.ที่มีอยู่ ถ้าไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก สว.ก็ตกม้าตายตั้งแต่ด่านแรก เมื่อเราสามารถแก้ไขมาตรา 256 ได้ก่อน ก็เปรียบเสมือนการปลดล็อก สะเดาะกุญแจดอกแรกได้สำเร็จแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราอื่นๆ ให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ตามที่ทุกฝ่ายต้องการ แม้ว่าการแก้มาตรา 256 เป็นการแก้ไขหมวด 15 ซึ่งรัฐธรรมนูญบังคับให้ต้องทำประชามติ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับการแก้ไขมาตรานี้แต่ประการใด