พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่4 กล่าวถึงกรณีมีการเผยพร่คลิปทหาร 3 นายกำลังพูดคุยกับผู้บริหารโรงแรม และถูกแชร์ในโซเชียลว่าทหารใช้อำนาจไปรีดไถและปรักปรำผู้บริหารโรงแรมว่าเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น สืบเนื่องจากทหารได้รับเรื่องร้องเรียน ผ่านศูนย์ดำรงธรรม และได้ส่งเรื่องมายังกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ พล.ร.5 จึงได้ส่งทหารไปตรวจสอบและพูดคุย เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง กรณีพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ บก.ควบคุม พล.ร.5 ว่าถูกผู้มีอิทธิพลรังแก
โดยทำหนังสือไป จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งผู้มีอิทธิพลที่ถูกร้องเรียนคือกรรมการบริหารโรงแรมดังใน จ.ภูเก็ต ซึ่งทั้ง 2 คน มีความขัดแย้งกัน เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 –30 ธ.ค. 60 พนักงานโรงแรงดังกล่าวได้ลากิจ จำนวน 5 วัน ทำให้ผู้บริหารโรงแรมไม่พอใจพร้อมทั้งออกคำสั่งปลดพนักงาน แต่พนักงานไม่ออกตามคำสั่ง ทำให้ผู้บริหารคนนี้โกรธแค้น และนำกลุ่มชายฉกรรย์ เข้ามาข่มขู่นายพนักงานถึงที่ทำงาน ทำให้พนักงานคนดังกล่าวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก บก.ควบคุม พล.ร.5 จำนวน 4 ครั้ง จนในวันที่ 17 ม.ค. 61
ต่อมาในวันที่ 27 มี.ค.2561 ทหารชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่25( ชป.รส.ร.25)นำโดย ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หน.ชุดฯ ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้พบกับผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว และได้แสดงตัวและแจ้งให้ทราบว่าเป็น จนท.มาตรวจสอบตามเรื่องร้องเรียน ซึ่งผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และรับทราบเรื่องดังกล่าวและได้เชิญเข้าไปนั่งในโรงแรมตามภาพที่ปรากฎในวีดีโอ
จากนั้น พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม จึงได้เข้าไปที่โรงแรม และได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการมาตรวจสอบครั้งนี้ และได้แจ้งกับผู้บริหารโรงแรม คนดังกล่าว และ จนท.ตร. 2 นาย ว่า ชป.รส.ร.25 จะขอสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกร้องเรียน จึงให้ทั้ง 3 คนมาให้ข้อมูลด้วย แต่ผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว ได้แจ้งว่าตนเองไม่ว่างขอเข้ามาพบในวันที่ 2 เม.ย. 61 และจะนำเอกสารต่างมายืนยันว่า ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนไม่เป็นความจริง ซึ่งได้นั่งพูดคุยกันอีกประมาณ 2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามได้มีการตัดเอาภาพเฉพาะ ตอนที่ผู้บริหารโรงแรมคนดังกล่าว พูดแสดงความไม่พอใจในช่วงแรก มาเผยแพร่ในโซเชียล พร้อมข้อความที่ทำให้ฝ่ายทหารเสียหาย ทั้งที่ตลอดการพูดคุย หลังจากนั้นเป็นไปด้วยดี จึงทำให้สงสัยในเจตนาของ บุคคลดังกล่าว
"ผมจึงให้นายทหารพระธรรมนูญ เตรียมการฟ้องร้องทางผู้บริหารโรงแรม และบุคคลที่เผยแพร่คลิปนี้ ทั้งที่ทหารทำตามระเบียบถูกต้อง แต่งเครื่องแบบและแสดงตัว พร้อมแจ้งข้อหาเรื่องร้องเรียน แต่กลับมากล่าวหาว่าทหารไปรีดไถเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ฝ่ายทหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่ เสียหาย" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
ส่วนการที่ทหารต้องพกอาวุธปืนสั้นนั้น แม่ทัพภาคที่4 กล่าวว่าเป็นอาวุธปืนพกสั้น ที่เป็นอาวุธประจำกาย ไม่ได้พกอาวุธสงคราม อีกทั้งเพราะเป็นการไปทำหน้าที่กับผู้ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นผู้มีอิทธิพล และผู้บริหารโรงแรม มีตำรวจ 2 คน ติดตามดูแลตลอดเวลา และจากการตรวจสอบ ข้อมูลในเบื้องต้นทหารจึงต้องระวังตัวเอง ทั้งนี้กำลังทำเรื่องให้ต้นสังกัด ตำรวจ 2 นายนี้ ที่มาติดตามดูแลผู้บริหารโรงแรม เพื่อพิจารณาโยกย้าย เพราะ ตำรวจควรไปทำหน้าที่ของตำรวจ ไม่ควรมาเดินตามผู้บริหารโรงแรม
พลโทปิยวัฒน์ กล่าวต่อว่าคลิปวิดีโอที่ปรากฏ ในโซเชียลรวมทั้งที่ทหาร ถ่ายมาเป็นหลักฐาน ตลอดเวลาการเข้าปฏิบัติหน้าที่ จะเห็นว่าฝ่ายทหาร นิ่ง สุขุม ทำตามระเบียบ ในการแต่งเครื่องแบบ แสดงตน ชัดเจน และแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้ชี้แจงเมื่อทำแบบนี้ เราก็คงต้องใช้มาตรการทางกฏหมายในการดำเนินการ