พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ ว่า ตอนนี้เกิดความสับสนในข้อมูล ไม่อยากโทษสื่อมวลชน แต่การให้ข่าวทางโซเชียลมีเดียหรือสื่อต่างๆ ต้องอ้างอิงข้อมูลจากตำรวจ อย่ามโนกันไปเอง เพราะตอนนี้มีการสร้าง Fake news หรือข่าวปลอมที่มีอิทธิพลต่อสังคม ซึ่งรัฐบาลกำลังตั้งศูนย์ต่อต้าน Fake news เช่นเดียวกับหลายประเทศ
โดย ผบ.ทบ. ชี้ว่าตอนนี้มีการสร้างข่าวออกมาเพื่อเบี่ยงเบนหรือโยนประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งที่รัฐบาลกำลังไปได้ด้วยดี มีการเลือกตั้งแล้ว และยังทำงานได้ไม่กี่วันก็มีเหตุระเบิด ส่วนการตั้งคำถามของนักข่าวก็อยากให้ถามในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำให้เกิดความแตกแยก
ผบ.ทบ. ยังเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาหรือที่เรียกว่า "Neighbor Watch" เพราะประเทศไทยคือบ้านของทุกคน หากพบวัตถุต้องสงสัยก็ให้ช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
ส่วนสาเหตุการวางระเบิด พล.อ.อภิรัชต์ เชื่อว่าคนก่อเหตุต้องการให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล ในช่วงที่มีการประชุมผู้นำอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เพราะเคยเกิดขึ้นแล้วสมัยการประชุมอาเซียน ที่พัทยา ภูเก็ต และ หัวหิน ซึ่งตนเองได้อยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด ไม่อยากบอกว่าเป็นฝ่ายใด แต่คนดีๆ เขาไม่ทำกันและรัฐบาลจะทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร
ผบ.ทบ.อธิบายความหมายคำว่า "กลุ่มเดิมๆ" ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ ว่า คือคนที่วางแผนหรือออกความคิด ที่เรียกว่า "Mastermind" ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ยอมรับกฎ กติกา ไม่ใช้เวทีสภา โดยทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งตามยุทธวิธีต้องมีคนสั่งการ คนวางแผน และคนปฎิบัติ แต่จะสืบหาไปถึงคนต้นคิดได้ยากได้แต่คาดเดาและใช้เวลาในการหาหลักฐาน
"คำว่ากลุ่มเดิมๆ ที่ผมหมายถึงก็คือกลุ่มเดิมที่เป็น Mastermind ในความคิดที่จะก่อเหตุไม่สงบในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิด หรือการทำ Fake new คือการบ่อนทำลายประเทศแบบหนึ่งเหมือนกัน"
อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ. ปฏิเสธตอบคำถามว่ากลุ่มเดิมๆ คือที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลหรือไม่ โดยกล่าวไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ตนไม่ขอกล่าวโทษ เพราะไม่สามารถพูดในฐานะนักการเมือง เนื่องจากไม่มี คสช.แล้ว แต่พูดได้ในฐานะฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้อ้างอิงถึงการเมือง ส่วน Mastermind สามารถอยู่ได้ทุกแห่งในโลกนี้ ไม่ว่าจะในประเทศหรือนอกประเทศ อาจจะอยู่ในโลกออนไลน์ หรือ โซเชียล ก็ได้
เมื่อถามว่า จะมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถขยายผลไปยังผู้บงการวางระเบิด ผบ.ทบ. กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของตำรวจในการซักถาม ซึ่งต้องใช้เวลาเพราะอาจจะมีการตัดตอน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะยิ่งนานวันยิ่งมีความลึกลับซับซ้อนของกระบวนการทุกอย่าง เพราะเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วย ช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงง่าย แต่ในทางกลับกันทำให้เข้าถึงตัวผู้บงการได้ยาก
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมมีภูมิลำเนาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวสั้นๆ ว่าให้ไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ
'ประวิตร' ยอมรับกลุ่มวางระเบิดใน กทม.เชื่อมโยงจังหวัดชายแดนใต้
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง เหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า มีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆส่วนรายละเอียดขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง พร้อมยอมรับว่ากลุ่มที่ วางระเบิดในกรุงเทพ ฯมีความเชื่อมโยงกับความไม่สงบในภาคใต้แต่ยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและยังไม่ตัดประเด็นใดออกยอมรับต้องใช้เวลา รวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากเกิดขึ้นหลายจุด
‘อนุพงษ์’ สั่งเฝ้าระวังเหตุระเบิด หากพบวัตถุสงสัยเร่งประสานชุดเก็บกู้ทันที
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้มีการกำชับติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนการเฝ้าระวัง ในการดูแลพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ หากพบเจอวัตถุต้องสงสัยให้ประสานกับอีโอดี
ส่วนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ทางกระทรวงมหาดไทยได้ติดตามในเรื่องการอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน และได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังห���ัดสูบน้ำให้การช่วยเหลือดูแลประชาชนในเบื้องต้น ทั้งนี้สำหรับน้ำเพื่อการเกษตรยังมีปัญหาเนื่องจากปริมาณฝนน้อย ซึ่งอาจจะมีการช่วยเหลือเยียวยาในอนาคต
ส่วนในเรื่องฝนกระหน่ำ ดินถล่มทับหมู่บ้านที่อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และอ.ท่าสองยาง จ.ตาก เมื่อคืนที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยติดตามการเฝ้าระวังในพื้นที่ หากมีน้ำหลากให้อพยพชาวบ้านไปยังพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีการวางแผนอพยพออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง