การเมือง
จับตา! อนาคต ทบ. ยุค 'อภิรัชต์' กับ 'สถานการณ์พิเศษ'
จึงเข้าสู่ยุคสายบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือฯ และสายรบพิเศษ มาตลอด ยกเว้น ‘บิ๊กตุ๋ย’พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร สายทหารช่าง ที่ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
ต่อด้วย ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สายบูรพาพยัคฆ์
‘บิ๊กบัง’พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน สายรบพิเศษ
เข้าสู่ยุค 3 ทหารเสือฯ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ตามมาด้วย ‘บิ๊กหมู’พล.อ.ธีรชัย นาควานิช สายบูรพาพยัคฆ์ ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท สายรบพิเศษ
การเปลี่ยนแป���งของทหารแต่ละยุคและแต่ละสาย มีให้เห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะรูปแบบการทำงานและการจัดการภายในกองทัพบก ที่มีทั้ง ‘ไร้รอยต่อ’ หรือ ‘มีเรื่องราว’ ตั้งแต่เริ่มต้น
โดยเฉพาะในช่วง พล.อ.อุดมเดช มาสู่ พล.อ.ธีรชัย ผ่านมหากาพย์ ‘อุทยานราชภักดิ์’ และการจัดภูมิทัศน์ใน บก.กองทัพบก ราชดำเนิน ทั้งการสั่งโบกปูนปิดบ่อน้ำหน้า บก.ทบ. และการทุบกำแพงหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่5 ด้านหลัง บก.ทบ. ที่สร้างสมัย พล.อ.อุดมเดช
หลัง พล.อ.ธีรชัยขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ได้ไม่นาน มาพร้อมด้วยการเปลี่ยนรูปแบบเครื่องแบบลายพราง โดยเปลี่ยนการใช้เครื่องแบบสนามที่ออกแบบยุค พล.อ.อุดมเดช ที่ถูกมองว่าเป็นอเมริกันสไตล์มากเกินไป โดยนำแบบที่เคยออกแบบสมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผบ.ทบ. ช่วงปี2557 แต่ด้วยสถารณ์ไม่ปกติจึงยังไม่ได้ประกาศใช้ นำมาปรับใช้แทน โดยแก้ไขเฉพาะกระเป๋าเสื้อด้านล่าง เป็นแบบเฉียง ไม่มีซิป และเครื่องหมายเป็นแบบเย็บติดทั้งหมด ไม่ใช้แปรงไนลอน โดยป้ายชื่อใช้พื้นหลังลายพราง
แน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่าน ทบ. จากยุค พล.อ.ธีรชัย สู่ยุค พล.อ.เฉลิมชัย แม้จะเปลี่ยนจากสายบูรพาพยัคฆ์ มาสู่สายรบพิเศษ แต่ก็ไร้รอยต่อ พล.อ.เฉลิมชัยสานต่องานจากยุค พล.อ.ธีรชัย แต่ได้เพิ่มในส่วนการสร้าง Smart Army Smart Man เข้ามาแทน โดยเป็นการนำโครงการ Smart Soldier ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) มาปรับใช้กับ ทบ. ทั้งหมด
ผ่านการจัดให้มีการทดสอบร่างกายผู้บังคับกองพันและผู้บังคับการกรม พร้อมทั้งการทดสอบความรู้ทั่วไปของผู้การกรมฯ และการทดสอบภาษาอังกฤษผู้การฯและผู้พันฯ ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายแข็งแกร่งและมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ งานในหน้าที่และสายงานที่รับผิดชอบ
สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ ผู้พันและผู้การผ่านเกณฑ์การทดสอบร่างกาย 100 % เพิ่มมากขึ้น 2 ปีที่ผ่านมา จากครั้งแรกเพียงสิบคน จนถึงวันนี้มีจำนวนกว่า 50 นาย ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 6 ของผู้การและผู้พันทั่วประเทศ จึงเป็นจุดที่สะท้อนความสำเร็จของโครงการนี้เป็นอย่างดี
อีกทั้งสร้างทัศนคติและภาพลักษณ์ใหม่ให้กับกองทัพบกได้ไม่น้อย เพื่อให้ ‘ผู้พันและผู้การ’ เป็นแบบอย่างให้กำลังพล ด้วยเป็นตำแหน่งผู้บังคับบัญชาที่มีความใกล้ชิดลูกน้องมากที่สุด
แน่นอนว่าโครงการนี้ในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนไป ซึ่ง พล.อ.เฉลิมชัย ยอมรับว่า “การดำเนินการในลักษณะนี้จำนวน 4 ครั้งก็ถึงจุดอิ่มตัว ในปีหน้าที่เปลี่ยน ผบ.ทบ. อาจจะมีแนวทางที่แตกต่างไป อาจจะมีการส่งชุดไปทดสอบในพื้นที่เพื่อให้ผู้บังคับกองพันได้ทดสอบร่วมกัน หรือรวมกันในระดับกองทัพก็ได้ ทั้งหมดแล้วแต่แนวทางของ ผบ.ทบ.ท่านใหม่ แต่เป้าหมายเพื่อให้กำลังพลของกองทัพมีความแข็งแรง กองทัพบกจะมีความมั่นใจในการใช้กำลัง”
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็ทราบดีว่าจะต้องขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไป ซึ่งก็ใช้เวลานี้ในการเตรียมพร้อมต่างๆ โดยจะต้องสานงานต่อจาก พล.อ.เฉลิมชัย
แต่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็มีแนวทางการทำงานของตัวเอง โดยในโครงการที่ พล.อ.เฉลิมชัย ทำได้ดีอยู่แล้วก็จะสานต่อ โดยเฉพาะโครงการ Smart Army Smart Man ที่อาจมีการปรรับรูปแบบอยู่บ้าง
พล.อ.อภิรัชต์ ได้ชื่อว่าเป็นายทหารอเมริกันสไตล์ เพราะเคยเรียนหลักสูตรจู่โจม-แรงเยอร์ ของ สหรัฐฯ และ จบหลักสูตรของสหรัฐฯ Master Degree of Business Administration Southeastern University Washington DC. ด้วย จึงทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ มีหลักคิดในการมองกองทัพแบบอเมริกันพอสมควร
โดยปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เชิญ พล.อ.อภิรัชต์ สมัยเป็น ‘พล.ท.’ ตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่1 ไปที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่ออบรมหลักสูตรของ War College สำหรับผู้นำทหาร ในเรื่องภัยคุกคามในหลายรูปแบบในโลกสมัยใหม่
พร้อมเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ สมัยเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 และนายทหารระดับผู้บัญชาการกองพล ผบ.หน่วย จนถึงระดับกรม ไปเยือนสหรัฐฯ เยี่ยมชมหน่วย เกือบ 2 สัปดาห์ ด้วย
ในช่วงเวลานี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังคงเก็บตัวเงียบพอสมควร เพื่อไม่ให้เป็นข่าวมากนัก แน่นอนว่าอนาคตกองทัพบกนับจากนี้จึงต้องติดตามไม่น้อย แต่ในภาพรวมรั้ว ทบ.มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดอยู่แล้ว
นับตั้งแต่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องทรงผมที่เป็นระเบียบมาตรฐานทุกชั้นยศ และท่าแสดงความเคารพในทุกเหล่าทัพ การจัดระเบียบวินัยกำลังพลที่มีการออกคำสั่งให้มีพฤติกรรม การแต่งกายที่เหมาะสม เพื่อเป็นแบบอย่างความมีระเบียบกับประชาชน เป็นต้น
แต่เชื่อได้ว่าทุกอย่างจะ ‘ไร้รอยต่อ’ ใน ‘สถานการณ์พิเศษ’
เพราะทหารหลายสาย ได้ขึ้นมาคุม ทบ. ไม่ใช่เพียงสายใดสายหนึ่งเช่นยุคก่อนหน้านี้ และมีความเป็น ‘ปึกแผ่น’ มากขึ้นด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
