วันที่ 20 ธ.ค. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้นำผลการประเมินค่าฝุ่นละออง PM 2.5 มาเป็นการชี้วัดค่า KPI ของผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ปัญหา PM 2.5 ถือเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ในพื้นที่ที่มีปัญหา ก็ต้องปรับปรุงสภาพอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจงาน โดยตนยังไม่ทราบในรายละเอียด และปลัดกระทรวงมหาดไทยอาจจะเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมา ซึ่งหากปลัดกระทรวงมหาดไทยมาขอคำปรึกษา ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็พร้อมที่จะสนับสนุน
ส่วนกรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศคือปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อท่านเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ก็สามารถที่จะสร้าง หรือกำหนดตัวชี้วัดในการทำงานได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำ
โดยตัวชี้วัดนี้อาจมีผลในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย แต่ก็ขึ้นอยู่กับปลัดกระทรวงมหาดไทย ตนเองมองว่าเป็นสิ่งที่ดี การทำงานต้องมีการวัดผลการปฏิบัติงาน
ต่อข้อสังเกตว่าเรื่องฝุ่น PM2.5. มีเรื่องของภัยธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น อนุทิน มองว่า ภัยธรรมชาติเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เกิดมาจากฝีมือมนุษย์ ภัยที่มาจากธรรมชาติมีเพียงส่วนหนึ่ง เช่น ความกดอากาศที่ทำให้ฝุ่นไม่สามารถไปไหนได้ แต่สิ่งที่เลวร้ายคือการเผาซากจากการทำการเกษตร การเผาป่า การจราจร ซึ่งไม่ถึงกับแก้ไขไม่ได้ อย่างกรณีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ก็จะช่วยได้มาก ตรงนี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ
อนุทิน กล่าวถึงกรณีสถานบันเทิง นอกพื้นที่โซนนิ่ง เปิดบริการถึงตี 4 อย่างในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ว่า หากสถานบริการที่อยู่นอกโซนนิ่ง แต่เปิดให้บริการ และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กำหนดก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องกวดขันให้มากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต พบว่านักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และกฎหมายมีช่องเพียงพอที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยได้ ถ้าทุกคนปฏิบัติตาม และมีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ทั้งนี้ จะต้องไปคิดต่อว่า ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือและรักษาระเบียบได้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตราย แต่ก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือผู้ประกอบการเช่นกัน ไม่เช่นนั้นนโยบายจะเอื้อเฉพาะผู้มีใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนน้อย ตอนนี้หน้าที่ต้องคิดต่อเนื่องเพราะเป็นเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้ มีรายได้และโอกาสทำมาหากินเพิ่มขึ้น ก็จะเป็นผลดีโดยรวม พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีการพิจารณาต่อว่าอาจต้องมีการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ ขอรอดูสถานการณ์ก่อน
อนุทิน ยังกล่าวถึงแนวโน้มการขยายพื้นที่โซนนิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และในวันนี้ตนเองจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมที่จังหวัดเชียงใหม่ หากได้รับความร่วมมือจากทุกคน รวมไปถึงการรักษากฎหมายมีประสิทธิภาพ ตนเองก็จะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้สั่งการให้ใช้นโยบายดังกล่าวนี้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจเพียงเท่านี้ จึงจำเป็นต้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ป.ป.ส.เข้าร่วมจึงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง
อนุทิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการประเมิน ก็จะทำโดยเร็วที่สุด เหมาะสมเมื่อใดก็ทำ ก่อนย้อนถามว่า หากประเมินแล้วอยู่ในระยะปลอดภัย “ปีหนึ่งไหวไหม” หากเหมาะสมและพร้อมเมื่อใดก็จะประเมินเมื่อนั้น ซึ่งก็ต้องไปตรวจดูว่ากฎหมายให้ทำได้แค่ไหน แต่สิ่งที่ยากคือการแก้ไข พ.ร.บ. เนื่องจากต้องรอนำเข้าเพื่อพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา แต่หากเป็นเรื่องของประกาศกระทรวง หรือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี หรือพระราชกำหนด เราก็พยายามดูอยู่ว่าหากเข้าช่องไหนแล้วเป็นประโยชน์ ควบคุมได้ก็จะทำ