ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวถูกจัดสรรให้มากกว่าที่ไบเดนเสนอถึง 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท)
“เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการกลาโหม มันง่ายแค่นั้นเลย” จิม อินโฮเฟ สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านกองทัพของวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันกล่าว
ขณะนี้สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายด้านการกลาโหมมากกว่าอีก 29 ประเทศสมาชิกที่เหลือขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ถึง 2 เท่า โดยประเทศเยอรมนีผ่านร่างงบประมาณ 5.4 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท) และมีทุนพิเศษอีก 1 แสนล้านยูโร (ประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท) สำหรับการทำกองทัพให้ทันสมัย
สำหรับกรณีของสหรัฐฯ งบประมาณ 29 ล้านล้านบาทนี้จะถูกนำไปใช้ในการซื้ออาวุธ เรือรบ และเครื่องบินรบ รวมถึงเพิ่มเงินเดือนให้กับกองกำลังของตัวเอง 4.6%
ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีน กฎหมายงบประมาณดังกล่าวยังได้จัดสรรเงินกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนและจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวัน นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณที่กันไว้ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือยูเครนด้านความมั่นคง ในขณะที่การรุกรานโดยรัสเซียยังมีอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากทั้ง 2 พรรค คือเดโมแครตและรีพับลิกัน ทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคเดโมแครตตกลงที่จะยกเลิกข้อกำหนดในเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับบุคคลากรในกองทัพ เพื่อให้ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 8,000 คนที่ถูกปลดประจำการเนื่องจากพวกเขาปฏิเสธที่จะรับวัคซีนโควิด-19
ที่มา: