ไม่พบผลการค้นหา
ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีติมอร์เลสเต กล่าวว่าทางประเทศของเขากำลังจะพิจารณาเป้าหมาย ในการเข้าร่วมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ใหม่อีกครั้ง หากทางอาเซียนไม่สามารถหาข้อยุติความขัดแย้งในเมียนมา หลังจากการรัฐประหารเมื่อ 2 ปีก่อนได้

หนังสือพิมพ์ The Jakarta Post รายงานอ้างคำพูดของกุสเมาว่า ติมอร์เลสเต “จะไม่เข้าร่วมอาเซียนหากอาเซียนไม่สามารถโน้มน้าวให้เผด็จการทหารในเมียนมา (ยุติความขัดแย้ง)” หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้นำอาเซียนได้ตกลง “ในหลักการ” ที่จะยอมรับให้ติมอร์เลสเต ซึ่งเป็นประเทศเกาะติดกับอินโดนีเซีย เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของประชาคม

มินอ่องหล่ายน์ ผู้นำคณะรัฐประหารเผด็จการเมียนมา เมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องของอาเซียนในหลายครั้ง เพื่อให้คณะรัฐประหารเมียนมาดำเนินการตามฉันทามติ 5 ประการ ที่อาเซียนได้ตกลงกันไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในการหาทางออกจากวิกฤตโดยสันติภาพแก่เมียนมาหลังการรัฐประหาร

ก่อนหน้านี้ ติมอร์เลสเตได้แสดงการสนับสนุนการเคลื่อนไหว ในการต่อต้านระบอบการปกครองของเผด็จการเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ค. รัฐบาลติมอร์เลสเตได้เชิญตัวแทนของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลพลเรือนของเมียนมาอย่างเป็นทางการ ในการเข้าร่วมพิธีสาบานตนของรัฐบาลติมอร์เลสเตชุดใหม่ และในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีติมอร์เลสเตได้ตั้งคำถามต่อผู้นำโลกว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่ช่วยเหลือเมียนมา ในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยยูเครนเพียงอย่างเดียว

คำเชิญของรัฐบาลติมอร์เลสเตต่อตัวแทนของ NUG ให้เข้าร่วมพิธีสาบานตนในเดือน ก.ค. ส่งผลให้ติมอร์เลสเตเป็นประเทศแรกที่เชิญรัฐบาล NUG เข้าร่วมงานระดับชาติในฐานะรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของเมียนมา โดยในงานรัฐพิธีนั้น ประธานาธิบดีติมอร์เลสเตได้รับภาพเหมือนของ อองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกคุมขังจาก ดอว์ซินมาร์อ่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ NUG 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของติมอร์เลสเตต่อรัฐบาลพลเรือนเมียนมา ส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศของเผด็จการทหารเมียนมา เรียกตัวอุปทูตประจำสถานทูตติมอร์เลสเตในนครย่างกุ้ง ให้เดินทางไปยังกรุงเนปิดอว์เพื่อชี้แจงเมื่อวันที่ 5 ก.ค. และร้องเรียนเกี่ยวกับคำเชิญดังกล่าวของติมอร์เลสเตต่อ NUG

กระทรวงการต่างประเทศของเผด็จการทหารเมียนมา กล่าวกับนักการทูตติมอร์เลสเตว่าพวกเขาถือว่า NUG เป็นองค์กรก่อการร้าย และการเชิญหรือการสื่อสารกับตัวแทนของ NUG นับเป็นการ “สนับสนุนการก่อการร้ายและสนับสนุนให้เกิดความรุนแรงในประเทศ และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับการก่อการร้าย” กระทรวงการต่างประเทศของเผด็จการทหารเมียนมายังเรียกร้อง ให้รัฐบาลติมอร์เลสเตละเว้นจากการติดต่อกับ “กลุ่มก่อการร้าย” และตัวแทนของพวกเขาในทุกรูปแบบ

หลังจากนั้น รัฐบาลติมอร์เลสเตยังคงเมินเฉยต่อการป้องปรามของเผด็จการทหารเมียนมา ในการเข้าพบกับตัวแทนของรัฐบาลพลเรือนเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีติมอร์เลสเตยังได้เชิญให้ดอว์ซินมาร์อ่องเข้าร่วมในการหารือกับทางการติมอร์เลสเตอีกครั้ง ส่งผลให้เผด็จการทหารเมียนมาวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวของติมอร์เลสเตอีกครั้งเช่นกัน หลังจากที่เผด็จการทหารเมียนมาประกาศขยายเวลาการบังคับใช้กฎอัยการศึกออกไปอีก 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา

ติมอร์เลสเตเคยเป็นอดีตอาณานิคมของโปรตุเกส และถูกยึดครองโดยอินโดนีเซียมากว่า 2 ทศวรรษ โดยในปี 2545 ติมอร์เลสเตได้กลายมาเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง หลังจากการลงประชามติประกาศเอกราช ที่ประชาชนชาวติมอร์เลสเตได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ ทั้งนี้ ติมอร์เลสเตอยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนมาอย่างยาวนาน


ที่มา:

https://www.irrawaddy.com/news/burma/timor-pm-says-country-wont-join-asean-if-myanmar-crisis-not-solved.html?fbclid=IwAR3qqOlkz7W2levo8mYYMfF1v_JJETcl_WsVRa5dGwm8o4LZA5ppCuxwbwg