นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมืองโฆษกพรรคเพื่อชาติเผยว่า จากการที่ตนไปลงพื้นที่พบปะประชาชนเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนหมดหวังกับประเทศชาติมากถึงกับฝากคำถามมากับตนว่า ประเทศนี้เค้าไม่เคารพเสียงของประชาชนแล้วใช่ไหม คะแนนเสียงประชาชนทั้งประเทศประกาศแล้วเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาว่าไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่จะสืบทอดอำนาจ แต่ผู้ต้องการสืบทอดอำนาจไม่นำพาไม่ฟังเสียงประชาชนทำทุกวิถีทาง ที่จะตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจทั้งที่เสียงประชาชนส่วนใหญ่ที่แปรเป็นจำนวน สส. ถึง 297 เสียง ที่ ไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ โดย 297 เสียง มาจาก 7 พรรคฝ่ายปชต. และ พรรค ประชาธิปัตย์อีก 52 เสียง โดยยังไม่รวมพรรคภูมิใจไทยที่ไม่ชัดเจนแม้จะเคยหาเสียงให้เข้าใจได้ว่าไม่สนับสนุนสืบทอดอำนาจ
ส่วนเสียงที่สนับสนุนสืบทอดอำนาจของ พปชร. และ รปช.มีเพียง 121 เสียง แต่คะแนนเสียงส่วนน้อย 121 เสียงดึงดันทุกวิถีทางเพื่อจะสืบทอดอำนาจแบบไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมอย่างที่สังคมรับรู้จากข่าวสารรายวันว่ามีการดูด สส.ด้วยทรัพย์สิน ตำแหน่ง และการปัดเป่าคดีความ ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นการทำลายองคาพยพของสังคมไทยทุกภาคส่วนให้ไม่มีความเชื่อมั่นเพื่อแลกกับการต้องการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ วิธีการเช่นนี้เรียกการปฏิรูปประเทศไปข้างหน้า หรือการพาประเทศถอยหลัง
นางสาวเกศปรียากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ประชาชนในตลาดแห่งหนึ่งที่ตนลงพื้นที่ไปพบปะ ยังฝากถามอีกว่าประเทศนี้ต้องการให้ประชาชนฐานรากไม่มีที่ยืนใช่หรือไม่ จึงร่วมกันทำลายเช่นทุกวันนี้ ก่อนเลือกตั้งทุกคนอยู่ในภาวะย่ำแย่คาดหวังว่าหลังเลือกตั้งจะได้รัฐบาลใหม่ที่มีความชำนาญในการบริหารเศรษฐกิจมาช่วยให้ประชาชนฐานรากฟื้นตัว แต่หลังเลือกตั้งมาเดือนกว่าเกือบ 2 เดือนพ่อค้าแม่ค้ายกเลิกแผงประมาณ 40 %
เพราะรายได้ไม่คุ้มค่าเช่าแพง ประชาชนจับจ่ายซื้อสินค้าลดลงจากเดิม 2 - 3 เท่า จากเดิมซื้อไก่ครั้งละ 500 กรัม ปัจจุบันซื้อ 100 - 200 กรัม พวกอาหารที่ราคาสูงคืนแผงจะหมดแล้ว อาหารทะเลจาก 8 แผงเหลือเพียง 2 แผงในเวลานี้ พวกสืบทอดอำนาจนี่จิตใจทำด้วยอะไรทำไม่ถึงไม่รับฟังเสียงส่วนใหญ่ ทำร้ายคนร่วมชาติให้กลายเป็นคนจนมา 5 ปีแล้วยังต้องการทำลายต่อ เมื่อไหร่จะหยุดทำร้ายประชาชนเสียที นี่คือสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนมา
รวมทั้งฝากความหวังว่าพรรคการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกเดินหน้าสนับสนุนสืบทอดอำนาจขาลงทำร้ายประชาชนต่อ หรือเลือกยืนหยัดตามมติมหาชนที่เคยกล่าวกับประชาชนไว้ก่อนเลือกตั้ง จะตัดสินใจได้ถูกต้องและเป็นคุณกับประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่ อีกทั้งกล่าวต่อว่า ถ้าพรรคการเมืองใดตัดสินใจเลือกผลประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ เลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะตอบแทนให้สาสม ให้หนักกว่ากรณีจำนวนผู้สมัคร สส. พลังดูด 91 คนของ พรรค พปชร.ที่สอบได้เพียง 36 คน คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่สอบได้ประมาณร้อยละ 30 กว่าๆ ในขณะที่ที่ทุ่มทุกสรรพกำลังมหาศาล