วันที่ 7 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรักษาการราชการแทนรัฐมนตรว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจความพร้อมการเปิดให้บริการอาคารเทียบ เครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการรายงานเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลที่ให้ความสำคั ริเริ่มในสนับสนุนสานต่อจนมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหลักในการตรวจเทียบคืออาคารเทียบเครื่องบินรอง ลำดับที่ 1 ซึ่งภาพรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อยตัวอาคารในการก่อสร้างเสร็จแล้ว และเป็นอาคารประหยัดพลังงาน เน้นการใช้แสงธรรมชาติ มีการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ ได้มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนแล้วและมีความพร้อมของระบบรถไฟฟ้า mbm ระบบล้อยาง แบบไร้คนขับรับส่งผู้โดยสารระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารหลัก ไปยังอาคารดังกล่าว กรมการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่เพิ่มพูนประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสารที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเดิม 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปีช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ซึ่งบรรดาผู้บริหารต้องมีการรายงานว่าโครงการนี้ จะเปิดให้การบริการในช่วงปลายปีนี้ และเต็มรูปแบบในปี 2567 เป็นต้นไป
ส่วนโครงการพัฒนาทางวิ่งเส้นที่ 3 มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 73% สร้างแล้วเสร็จเดือนกันยายน 2566 มีแผนในการเปิด 2567 ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น จาก 68 เที่ยวบินเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมงชั่วโมง ถือเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจและการคมนาคมของไทยรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศในอนาคต เชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งอยู่ในแผนงานอยู่แล้ว
พร้อมระบุว่า นี่คือการทำงานที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ใช้เวลาไม่ใช่น้อยกว่าจะสำเร็จมาถึงประมาณนี้ ตอนนี้เราพยายามเริ่มทุกอย่าง ด้วยทุกคน ด้วยรัฐบาล ครม.รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ช่วยกันนี่คือสิ่งที่เราสร้าง บางอย่างมันยาก แต่ถ้าเราร่วมมือกัน ก็จะทำได้ทุกเรื่องทำอย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์โดยรวมของทั้งหมด สิ่งที่เราทำวันนี้ทำเพื่ออนาคตและเพื่อให้ใครนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสามารถรองรับนักเดินทางท่องเที่ยวให้รับความสะดวกรวดเร็วสร้างความประทับใจ แต่พูดถึงทางทั้งในเชิงธุรกิจ หรือเป็นทางผ่านนี่เป็นอนาคตที่ฝากไว้ให้กับลูกหลานในวันข้างหน้า
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ยังมีอีกหลายโครงการที่ทำไว้แล้ว และก็จะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนในพื้นที่ eec ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลได้ริเริ่มไว้แล้วก็จะไปติดตามความคืบหน้า ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรม เห็นด้วยตา อ่านอะไรก็แล้วแต่ ก็ขอให้ดูไว้ว่านี่คือสิ่งที่ไม่ใช่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ทั้งหมด นี่คือตัวอย่าง ที่จะเห็นว่าวันข้างหน้าหากร่วมมือกันแบบนี้ก็จะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นกับประเทศไทยในหลายมิติ
ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน และการบินไทยก็กลับพลิกฟื้นขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจและคาดว่า จะแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่า 1 ปี ในการที่จะเป็นสายการบินแห่งชาติ ซึ่งทุกคนก็ช่วยกัน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะติติงอะไรต่างๆ ก็ตาม เราทำอะไร จะได้อะไร อะไรที่ยังไม่เคยทำ แล้วเราทำหรือเปล่า ต้องคิดต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจด้วย อย่าให้มีความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ทุกเรื่องจนกระทั่งประเทศชาติเดินหน้าไปไม่ได้ ผมก็มีแค่นี้แหละ