ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มแอนตี้วันไชน่า รวมตัวประท้วงจีนหน้าสถานฑูต เรียกร้องปล่อยตัวโจวชัว หว่อง และ 2 แกนนำเยาวชนนักกิจกรรมชาวฮ่องกง

เวลา 17.00 น. วันที่ 24 พ.ย. 2563 ที่บริเวณทางเท้า ฝั่งตรงข้ามสถานเอกอัครราชทูตสาธาณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กลุ่มแอนตี้วันไชน่า นัดรวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ 3 นักกิจกรรมประชาธิปไตยชาวฮ่องกง คือ โจวชัว หว่อง แอกเนส โจว และ อีวาน แลม ซึ่งถูกควบคุมตัวหลังเดินทางไปศาลเพื่อเข้าพิจารณาคดี กรณีการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงช่วงปีที่ผ่านมา โดยพวกเขาทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวไว้จนกว่าศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 2 ธ.ค. นี้

ทั้งนี้ในช่วง 17.10 น. ได้เกิดเหตุมีชายชาวจีนรายหนึ่ง อ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตจีนเดินเข้ามาเบียดนักข่าวที่กำลังยืนถ่ายภาพกลุ่มนักกิจกรรมอยู่พร้อมต่อว่าทางกลุ่มเป็นภาษาจีน จับใจความได้ว่า จีนมีเพียงหนึ่งเดียว ไต้หวั่น และฮ่องกง ไม่ได้มีสถานะเป็นประเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของจีนเท่านั้น จากนั้นก็ได้เดินออกจากบริเวณที่ทำกิจกรรมไป 

นภัสสร แสงเดือน หนึ่งในสมาชิกกลุ่มแอนตี้วันไชน่า ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้สถานทูตจีนต้องออกมาชี้แจงว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนของสถานทูตจริงหรือไม่ และหากเป็นจริงถือว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น 

ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ประท้วง โจชัว หว่อง dw01124.jpgไต้หวัน ฮ่องกง จีน ประท้วง โจชัว หว่อง ww01124.jpgไต้หวัน ฮ่องกง จีน ประท้วง โจชัว หว่อง www01124.jpgไต้หวัน ฮ่องกง จีน ประท้วง โจชัว หว่อง qqq1124.jpgไต้หวัน ฮ่องกง จีน ประท้วง โจชัว หว่อง แอนตี้วันไชน่า 45605.jpg

นอกจากนี้ภายในกิจกรรมยังมีการถือป้ายประท้วงรัฐบาลจีนที่มากกว่าไปกว่าเรื่องการควบคุมตัว 3 นพกิจกรรมด้วย เช่นมีป้ายข้อความที่ระบุถึงการเอื้อผลประโยชน์กันระหว่างรัฐบาลสี จิ้นผิง กับรัฐบาล คสช. ผ่านการผลักดันพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนสามารถเช่าที่ดินในประเทศไทยได้นานถึง 90 ปี รวมทั้งมีการถือป้ายที่ระบุถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการลงทุนสร้างเขื่อนในประเทศจีน ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศในลุ่มแม่น้ำโขงด้วย 

17.30 น. นภัสสร เป็นตัวแทนกลุ่มอ่านแถลงการณ์ที่ระบุถึงข้อเรียกร้องในวันนี้ ใจความว่า การกระทำของทางกลุ่มไม่ใช่การประท้วงหรือต่อต้านประชาชนจีน แต่เป็นการประท้วงรัฐบาลเผด็จการของจีน ซึ่งมีการกระทำในลักษณะอำนาจนิยมมาอย่างต่อเนื่อง และการกระทำของมหาอำนาจประเทศหนึ่งก็ย่อมส่งผลต่อประเทศอื่นๆ ด้วย การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยของไทยเองก็จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น หากรัฐบาลไทยยังอยู่ใต้เงามหาอำนาจของจีน