พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัดคลองเตย โดยมี พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร กทม. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบว่า นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส. กทม. เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะ รอให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างเดินพบประชาชนในชุมชนฯ ตลอดข้างทางมีประชาชนมารอให้การต้อนรับและมีเด็กในชุมชนคลองเตยตะโกนว่า "ลุงตู่ สู้ๆ" โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเด็กๆ ว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร ถ้าอยากเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องเรียนหนังสือให้ดี และอย่าทิ้งการเรียน อย่าออกนอกระบบ ไม่เรียนหนังสือไม่ได้ สามารถเรียนอะไรก็ได้ที่มีงานทำ และอย่าเป็นนักเลง ทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น หากร่วมมือกันได้ก็จบ เราอยู่แบบเดิมไม่ได้ ขอให้นึกถึงลูกหลานในวันข้างหน้า ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้แนะนำให้ไปดูตัวอย่างแฟลตดินแดงที่รัฐบาลได้ดำเนินการจนสำเร็จ
นอกจากนี้ หลายอย่างยากตรงความร่วมมือ แต่เราต้องทำทั้งหมด โดยต้องมีแผนระยะยาว พร้อมจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน และต้องเริ่มทำเลยรอใครไม่ได้แล้ว ซึ่งตนเองให้ทุกคนมีความสุขก็ดีใจ อยู่กันอย่างพอเพียง และย้ำว่าตนเองไม่เคยหลอกใคร
อย่างไรก็ตาม การจะดำเนินการอะไรต้องรักษากติกาและระเบียบ ขณะเดียวกันวันข้างหน้า ก็ต้องมีการขยับขยายกันใหม่ วันนี้เรากำลังจะเจริญไปข้างหน้า ดังนั้น เรื่องชีวิตและความเป็นอยู่ก็ต้องสอดคล้องกับการเดินหน้าประเทศ วันนี้ต้องขอโทษที่ทำให้รถติด แต่จะดูแลให้ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าทหาร และตำรวจ และขอให้ทุกคนทำเพื่อประชาชน วันนี้ย้ำว่า รัฐบาลมีนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะคนในสลัมต้องดูแลเป็นพิเศษ และชีวิตต้องดีขึ้น โดยโรงเรียนมีความสำคัญที่สุด ต้องเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะเรียนได้ ซึ่งตนเองได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน รู้สึกมีกำลังใจ ไม่ใช่มาแล้วหน้าตาคล่ำเครียด แต่รู้ว่าทุกคนเหนื่อย รัฐบาลกำลังดำเนินการให้อยู่จะอยู่แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
'ประยุทธ์' ฟังเพลงความฝันสูงสุด ย้ำทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมกิจกรรมนันทนาการและกีฬาของเยาวชนและประชาชนในชุมชนคลองเตย โดยชมการแสดงดนตรี การแสดงลีลาศ พร้อมร่วมร้องเพลงสุขกันเถอะเรา และเพลงพรหมลิขิต ขณะเดียวกันนายกฯ ยังรับฟังเพลงความฝันอันสูงสุด และระบุว่า ได้ฟังเพลงนี้ก็ต้องรู้สึก ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีและรัฐบาลทุกคน คิดถึงเพลงนี้ เราต้องไม่น้อยใจในโชคชะตาของเรา ดังนั้นทุกคนต้องไม่สร้างภาระสังคมของเราให้กับคนอื่นมากเกินไป เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานอื่นที่ต้องดูแล ที่สุดแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเรา พ่อแม่ และครอบครัว วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มาเยี่ยมที่นี่ และเห็นเด็กๆ ที่อยู่ที่นี่ไม่ทิ้งชุมชน เรียกว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่เราอยู่อาศัย ตนเห็นว่าเรามีโอกาสมากมาย เพราะได้เห็นเด็กๆ ทุกคนมีหน้าตาสดใส แต่โอกาสเขายังน้อยอยู่ เรามาวันนี้มาเปิดโอกาสให้ เรียกว่าความเท่าเทียม ทุกคนไม่สามารถมีรายได้เท่ากันทั้งหมด แต่ความเท่าเทียมคือความเท่าเทียมของโอกาสที่ทุกคนสามารถทำมาหากินและมีอาชีพ แต่พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือคุณภาพชีวิต เพราะจะอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว ตนเห็นแล้วรู้สึกเห็นใจ เพราะอยู่ลำบากมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ผ่านมาจนถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเพลงความฝันอันสูงสุด รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานมาให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่พลเรือน ทหาร ตำรวจและประชาชนทุกคนให้ต่อสู้กับโชคชะตา และรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งให้สืบสาน รักษา และต่อยอด ด้วยการเป็นจิตอาสา จิตสาธารณะ และจิตสำนึกแล้วปัญหาทุกอย่างก็จะหายไปหมด ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และชีวิตความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเราทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ความรัก ความสามัคคีเป็นผู้นำพาเราไปสู่ความปลอดภัยในวันหน้าเพื่อลูกหลาน เพราะเราอีกไม่นานก็ตายแล้ว อายุ 60 ปีแล้วมีความเสี่ยงทุกวัน แต่จะทำอย่างไรให้เยาวชนมีที่อยู่ที่กินดีกว่าเรา นั่นคืออนาคตคนไทยทุกคน เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ เรื่องที่อยู่อาศัยรัฐบาลมีแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งการท่าเรือเตรียมแผนไว้แล้ว รวมถึงคมนาคมก็ดำเนินการไปแล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2563 ดังนั้นใครที่อยู่พื้นที่นี้ให้ความร่วมมือและขึ้นบัญชีไว้แล้วก็เตรียมขยับขยายได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้หยุดพูดไปช่วงหนึ่งก่อนกล่าวต่อว่า "เดี๋ยวหาว่าผมสัญญาอีก ไม่ได้ แต่เป็นการเดินหน้านโยบายเหล่านี้ต่อไป ใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องทำต่อ ฉะนั้นต้องไม่ต่อต้านกันและกัน"