ผลงานวิจัย European Study of Cohorts for Air Pollution Effects ซึ่งสุ่มสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 99,446 คน เป็นระยะเวลา 12 ปี พบว่า ปริมาณฝุ่น PM2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่ขนาดต่ำกว่า 2.5 ไมครอน ทำให้คนมีโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจสูงถึง 19 เปอร์เซ็นต์ โดยโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ในคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
ขณะที่ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 6,814 คนที่เป็นโรคหัวใจ พบว่าฝุ่นพิษ PM2.5 มีโอกาสทำให้ผนังหลอดเลือดหัวใจมีความหนาเพิ่มขึ้น 5 ไมครอนต่อปี และผลสำรวจในคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ตลอดชีวิตจำนวน 188, 699 คน เป็นระยะเวลา 26 ปี พบว่า ปริมาณฝุ่น PM2.5 ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดสูงถึง 15-27 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะไม่สูบบุหรี่
นอกจากนี้ ผลสำรวจผู้สูงอายุที่ฮ่องกงจำนวน 66,825 คนเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าในผู้หญิง ฝุ่นพิษ PM2.5 ทำให้มีโอกาสเสี่ยงจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และในผู้ชายเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นพิษ PM2.5 มีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตจากมะเร็งปอดสูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์
ปัญหาฝุ่นพิษกลายเป็นประเด็นหลักที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแต่ประเทศไทย เห็นได้จากข้อมูลการสุ่มเก็บตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 ก.พ.262-2 มี.ค.2561 จำนวน 15 ที่ บริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยทีมงานวิจัย ของ SAIJO DENKI พบว่าอากาศภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีฝุ่นพิษ PM2.5 เกินมาตรฐาน 10 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรของ WHO ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเมื่อต้องออกไปนอกที่พักอาศัย
อย่างไรก็ตาม ฝุ่นละอองที่ประชาชนต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีเฉพาะภายนอกที่พักอาศัยเท่านั้น เพราะแม้แต่ใน 'บ้าน' ที่หลายคนเข้าใจว่าสะอาดและปลอดภัยที่สุด ก็อาจต้องเสี่ยงภัยฝุ่นพิษอยู่เช่นเดิม เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงแบคทีเรีย มูลไรฝุ่น เชื้อรา ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ หรือเกสรดอกไม้ต่างๆ อาจเล็ดลอดเข้ามาในบ้านได้โดยที่คนจำนวนมากอาจไม่ทันรู้ตัว
การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้คนหายใจเอาฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าไปในร่างกายจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับการเฝ้าระวังและรักษาสุขภาพในด้านต่างๆ ควบคู่กัน
ปัจจุบัน ฝุ่นหยาบ หรือ PM10 (coarse particles) ซึ่งมีขนาดต่ำกว่า 10 ไมครอน สามารถกรองได้ด้วยระบบหายใจมนุษย์ แต่ PM2.5 หรือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (fine particles) ขนาดต่ำกว่า 2.5 ไมครอน สามารถเข้าสู่ปอดได้ แต่ภัยเงียบที่น่ากลัว คือ PM0.1 หรือ ฝุ่นละเอียด (ultrafine particle) ที่มีขนาดต่ำกว่า 0.1 ไมครอน ถือว่าเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ปอด ซึมเข้าสู่กระแสเลือด และกระจายไปทั่วร่างกายได้
แผ่นกรองอากาศที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน คือ HEPA Filter ดักจับอนุภาคที่มีขนาด 0.3 ไมครอนขึ้นไป เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ไรฝุ่น จึงมีประสิทธิภาพดักจับอนุภาค PM2.5 ในอากาศอยู่ที่ 99.97 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่สามารถกรอง PM0.1 ซึ่งทะลุผ่านโพรงจมูกไปยังขั้วปอดได้ อีกทั้งแผ่นกรองชนิดนี้ส่วนมากจะเปลี่ยนทุก 6 เดือน หรือตามลักษณะการใช้งาน แผ่นกรอง HEPA Filter จึงอาจเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ซึ่งยังจะสามารถเติบโตได้เมื่อมีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม
ทั้งนี้ สถาบัน Health Protection Agency ประเทศอังกฤษ พบว่า แบคทีเรียบางชนิดที่ถูกดักจับอยู่บนแผ่นกรองอากาศประเภท HEPA ยังสามารถมีชีวิตอยู่บนแผ่นกรองอากาศได้ เช่น Bacillus atrophaeus สามารถดำรงชีวิตอยู่บนแผ่นกรองอากาศ HEPA ที่มีอากาศไหลเวียนและไม่มีอาหารบนแผ่นกรองอากาศได้นานถึง 210 วัน โดยที่ Bacillus atrophaeus เป็น surrogate bacteria หรือตัวแทนแบคทีเรียชนิด Bacillus anthracis ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรค anthrax*
การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องฟอกอากาศยุคใหม่จึงต้องถูกออกแบบให้สามารถดักจับสารก่อมะเร็งในอากาศได้ และไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค โดย Ultrafine Technology ของ SAIJO DENKI สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็ก 0.01 ไมครอน และลดสารก่อมะเร็งในอากาศได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ใน 2 ชั่วโมง รับรองประสิทธิภาพโดยสถาบันทดสอบจากญี่ปุ่น Japan Electrical Testing และสามารถเช็กปริมาณสารก่อมะเร็งในอากาศภายในห้องได้ และแสดงความเข้มข้นสารก่อมะเร็งตามเกณฑ์ของ US EPA สหรัฐอเมริกาด้วย SAIJO DENKI APP เชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและเซนเซอร์อัจฉริยะ เพื่อให้แน่ใจว่าฟอกอากาศจริง และพิสูจน์ได้
เครื่องฟอกอากาศ Ultrafine มีสมองกลปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อควบคุมอากาศในห้องให้อยู่ในสภาพดีที่สุด โดยเมื่อกดโหมด Ultrafine Particles Auto Removal เครื่องฟอกอากาศ Ultrafine จะควบคุมอากาศในห้องให้อยู่ในเกณฑ์ Good ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่อากาศปลอดภัยที่สุดตามเกณฑ์ของหน่วยงานสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา US EPA
หากปิดเครื่องฟอกอากาศ แต่ยังเปิดโหมด Ultrafine Particles Auto Removal และปริมาณฝุ่นพิษ PM2.5 ภายในห้องเกินเกณฑ์ Good เครื่องฟอกอากาศจะเปิดตัวเองอัตโนมัติ เพื่อกำจัดฝุ่นพิษในห้องให้อยู่ในเกณฑ์ Good ทำให้อากาศในห้องเป็นอากาศที่ดีเสมอ
*อ้างอิง: Mittal H PS, Pottage T, Walker JT, Bennett AM. Survival of microorganisms on HEPA Filters. Applied Biosafety 2011;16:163-6