ไม่พบผลการค้นหา
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ยืนยันว่า ช่องทางการสื่อสารระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียยังคงเปิดอยู่ แม้จะเกิดสงครามในยูเครนก็ตาม

ซัลลิแวนกล่าวว่า การรักษาช่องทางสื่อสารกับรัสเซียเอาไว้ “เป็นผลประโยชน์” ของสหรัฐฯ ในอีกทางหนึ่ง ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐฯ “มีสายตาที่แหลมคมชัดเจนว่าเรากำลังรับมืออยู่กับใคร"”

การให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในขณะที่ทำเนียบขาวไม่ได้ปฏิเสธรายงาน ที่ซัลลิแวนเป็นผู้นำการเจรจากับรัสเซีย เพื่อป้องกันการยกระดับการใช้นิวเคลียร์ในยูเครน ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า ซัลลิแวนได้หารือในทางลับกับ นิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคง และ ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสด้านนโยบายต่างประเทศรัสเซีย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่อาวุโสบอกกับหนังสือพิมพ์ว่า พวกเขาได้หารือถึงวิธีป้องกันความเสี่ยง ในการทวีความรุนแรงด้านนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาใดๆ เพื่อหาแนวทางยุติความขัดแย้ง โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ซัลลิแวนกล่าวว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ใดๆ จะก่อให้เกิด “ผลร้ายต่อรัสเซีย” เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐฯ ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโส “ระบุ” ถึงขอบเขตของการตอบสนอง ที่อาจเกิดขึ้นของสหรัฐฯ ในการหารือส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย

เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานดังกล่าว โดยเขาบอกกับหนังสือพิมพ์ว่า “ผู้คนอ้างถึงหลายเรื่อง” ในขณะที่ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวหาหนังสือพิมพ์ของชาติตะวันตกว่า “เผยแพร่เรื่องหลอกลวงมากมาย” อย่างไรก็ดี คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย.) ว่า สหรัฐฯ สงวนสิทธิที่จะจัดการเจรจากับรัสเซีย

พร้อมกันนี้ ซัลลิแวน ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาอาวุโสที่สุดของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยังคงผลักดันให้มีการเจรจากับรัสเซีย กล่าวว่า การติดต่อกับรัสเซียนั้นเป็น “ผลประโยชน์ของทุกประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งนี้”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The Washington Post รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ยูเครนส่งสัญญาณการเปิดกว้างเพื่อเจรจากับรัสเซีย และยกเลิกการปฏิเสธในทางสาธารณะ เพื่อการหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามในขณะที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียยังคงอยู่ในอำนาจ แต่ซัลลิแวนกล่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า ฝ่ายบริหารของไบเดนมี “ภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ” และให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อ “จับผู้กระทำความผิดในอาชญากรรมสงครามที่ร้ายแรงและแปลกประหลาดในยูเครน มารับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาทำ”

“ผมเพิ่งอยู่ที่กรุงเคียฟเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ย.) และมีโอกาสได้พบกับท่านประธานาธิบดี (โวโลดีเมอร์) เซเลนสกี และ แอนดรีย์ เยอร์มัก พร้อมด้วยผู้นำทางทหาร เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับระดับของความตาย และความหายนะที่ปะทุขึ้นโดยสงครามของปูตินกับประเทศนั้น” ซัลลิแวนกล่าว

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกิดความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่า รัสเซียอาจหันไปใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพื่อการปกป้อง 4 ภูมิภาคทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน ซึ่งถูกผนวกเข้าอย่างผิดกฎหมายเป็นของตน ในขณะเดียวกัน ยูเครนได้ใช้กฎอัยการศึกในช่วงสงคราม เพื่อควบคุมทรัพย์สินของบริษัท ที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ทั้ง 5 แห่ง

บริษัทบางแห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทพลังงาน 2 แห่ง และบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์ ยานพาหนะ และหม้อแปลงไฟฟ้า เชื่อมโยงกับ วยาเชสลาฟ โบฮูสลาเยฟ เศรษฐีผู้มีอำนาจ ซึ่งถูกจับกุมตัวในข้อหาให้ความร่วมมือกับรัสเซีย โดยประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้ภาคการป้องกันประเทศของยูเครน ตอบสนองต่อความต้องการของกองทัพ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ในยูเครนตอนใต้และตะวันออกต่อรัสเซีย


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-63551133?fbclid=IwAR2wNR6YD70EdmrZUy6d9DKuWZytLdlbBUSpOpm-WjCsVrN1NqZ5Q7rbZQM