ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' ล่องใต้ห่วงประชาชนรับฤดูมรสุมเข้าตรัง-พัทลุง เร่งหน่วยงานวางแผนระบายน้ำ-เตือนภัยสกัดน้ำท่วมซ้ำซาก เผย 8 ปี รัฐบาล และ พปชร.เร่งผลักดันนโยบายต่อเนื่อง ลั่นยินดีช่วยเหลือเต็มที่ ทุกข์ร้อนเรื่องอะไรบอกทีมงานได้ทุกคน

วันที่ 8 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) พร้อมด้วย จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ จ.ตรัง และ จ.พัทลุง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและความพร้อมรับมือฤดูฝนภาคใต้ที่กำลังมาถึง รวมทั้งปัญหาพื้นที่ภัยแล้งในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าฯ ตรังและพัทลุง ให้การต้อนรับ 

S__45547628.jpg

พล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนในการทำงาน พร้อมทั้งย้ำว่า แม่น้ำตรัง มีความสำคัญกับการระบายน้ำและการเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ จึงต้องให้ความสำคัญในการ บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เน้นการป้องกันเชิงรุก พร้อมทั้งสั่งการให้กรมชลประทาน เร่งรัดก่อสร้างโครงการระบายน้ำแม่น้ำตรังให้แล้วเสร็จภายใน ก.ย.65 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝนที่จะมาถึง และให้เร่งเตรียมความพร้อมโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำตรัง รวมถึงช่องลัด และคันกั้นน้ำ เพื่อให้สามารถสร้างได้ในปี 2567 โดยให้ สทนช. ยกระดับเป็นโครงการสำคัญ เพื่อให้สามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ครอบคลุม 7 ตำบลใน 4 อำเภอ


เร่งศึกษาผังน้ำ-แผนป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง

นอกจากนี้ยังให้เร่งรัดศึกษาผังน้ำและจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ลุ่มน้ำ เพื่อให้มีแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกันทั้งภาวะปกติและวิกฤต โดยให้หน่วยเกี่ยวข้อง พร้อมทั้ง องค์กรปกครองท้องถิ่น และ กรมป้องกันและบรรเทาธารณภัย สำรวจพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม รายงานคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อแก้ปัญหาเป็นพื้นที่และภาพรวม พร้อมทั้งกำชับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เร่งพัฒนาน้ำบาดาลที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ในฤดูแล้งโดยทั่วกัน

ทั้งนี้ยังได้ลงพื้นที่ อ.ห้วยยอด ตรวจสอบความเหมาะสมโครงการเพิ่มศักยภาพอ่างเก็บน้ำ คลองท่างิ้ว เพื่อเร่งนำไปผลิตน้ำประปาอีกแห่งในพื้นที่ อบต.หนองปรือ พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง และได้พบปะประชาชนในพื้นที่ เพื่อสอบถามทุกข์ สุข และความต้องการ ของพี่น้องประชาชน 


8 ปี ผลักดันนโยบายต่อเนื่อง

ช่วงหนึ่งระหว่างลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตร เปิดเผยอีกว่า กว่า 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ได้เร่งผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการสร้างและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ยังคงมุ่งมั่นแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ให้คนไทยกินดีอยู่ดี ตามแนวทางและนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะมุ่งเข้าไปแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ลดผลกระทบเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนได้มีน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร 

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างให้หน่วยงานเข้าไปดำเนินการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ต.ป่าแดด จ.เชียงราย เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคและประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปี ล่าสุดได้มอบหมายให้คณะทำงานเร่งติดตามและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนให้เป็นผลสำเร็จ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี หรือในปี 2566 จะแล้วเสร็จในปี 2569 เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ ต.ป่าแดด และในพื้นที่ใกล้เคียง มีแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง-ตอนล่าง 

S__45547630.jpg

นอกจากนโยบายแก้ปัญหาปากท้องที่เป็นเรื่องสำคัญแล้ว พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษย์ชน และการดูแลประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยได้เร่ง นโยบายการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยให้เข้าสู่มาตรฐานสากล เพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้เกิดกรณีมิให้มีการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นความสำเร็จของทุกหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ร่วมมือกันดำเนินตามนโยบายที่ได้มอบหมาย ทำให้ในปี 2565 ประเทศไทยได้รับการจัดระดับสูงขึ้น เลื่อนจากกลุ่มเทียร์ 2 Watchlist มาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 ในปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ 


ทุกข์ร้อนเรื่องอะไร บอกทีมงานได้ทุกคน

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นำมาตรการในการปราบปรามค้ามนุษย์ที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ ปี 2565 พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขจัดการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบ และร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิชาการและแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศที่ทันสมัยในภูมิภาคนี้ 

“พี่น้องประชาชนยังมีปัญหาและอุปสรรค ต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ รัฐบาลและตัวผมเอง มุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หากมีความทุกข์ร้อนเรื่องอะไร ขอให้บอกทีมงานของผมได้ทุกคนครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว