วันที่ 23 ก.ย. 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้ แอนเจลา เจน แม็กดอนัลด์ (H.E. Ms. Angela Jane Macdonald) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้แสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทยในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่อย่างเป็นทางการ เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย จะมีส่วนส่งเสริมสนับสนุนในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ ความร่วมมือทวิภาคีในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ. 2022 – 2025 โดยเฉพาะด้านความมั่นคง การต่อต้านการค้ามนุษย์ หารือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการเป็นหุ้นส่วนด้านวิจัยและพัฒนา ในสาขาที่ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญและสอดคล้องกับนโยบายพัฒนาโมเดล BCG ของไทย
นอกจากนี้ ได้หารือความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย (Counter Trafficking in Persons Centre of Excellence) โดยรองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตออสเตรเลียเน้นย้ำว่าพร้อมสนับสนุนบทบาทของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปีนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีขอบคุณ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้โอกาสดังกล่าวในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกมิติ และพร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในการเยือนไทยในห้วงการประชุมดังกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เพิ่มเติมว่า วันนี้ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงที่เป็นรูปธรรม 2 ประการ คือ
1. ร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ปี ค.ศ. 2022 – 2025
2. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลียในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ผ่านขั้นตอนพิจารณาของทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยกำหนดการเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีต่างประเทศและการค้า (DFAT) เพื่อร่วมพิธีลงนามทั้งสองฉบับ ที่กรุงเทพ ราวต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้