นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับหนังสือ ที่ ตช. 0026(12)3/580 จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยี (บก. ปอท.) ลงวันที่ 2 มีนาคม 2563 เรื่อง แจ้งให้เชิญพยามมาให้ถ้อยคำประกอบสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 ลงนามโดย ว่าที่พันตำรวจเอก พิเชษฐ์ คำภีรานนท์ ผู้กำกับการ 3 บก. ปอท. ซึ่งเป็นคดีเรื่อง “ทฤษฎีกบต้ม” ที่ตนได้เคยเตือน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐบาลไว้นานแล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คนมาฟ้องตน โดยไม่รู้ว่าทฏษฏีกบต้มนี้มีอยู่จริง เป็นทฤษฎีของต่างประเทศ
ดังนั้นจึงอยากถามว่า เหตุใดถึงได้มีจดหมายนี้ส่งมา ตั้งใจจะกลั่นแกล้งตนใช่หรือไม่ อีกทั้งอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปอ่านบทความทฏษฏีกบต้ม ที่เขียนโดย อาจารย์โกร่ง ดร. วีรพงษ์รามางกูร ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์มติชน และ ลงในเว็บไซต์ เพื่อจะได้เข้าใจทฤษฎีนี้ และ ดร. วีรพงษ์เองก็เพิ่งจะปาฐกถาพูดถึงพลเอกประยุทธ์ว่าเป็นผู้นำที่โง่เขลา อ่านแล้วอาจจะทำให้พลเอกประยุทธ์ได้ฉลาดขึ้นแล้วจะได้เลิกกลั่นแกล้งตน ทั้งนี้อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้พิจารณาผลงานของตัวเองว่าตลอดเวลาที่บริหารประเทศมาได้สร้างความเสียหายให้ประเทศมากมายขนาดไหน คนไทยกำลังเข้าสู่ภาวะกบต้มใช่หรือไม่ ธนาคารโลกเองยังบอกว่า ตั้งแต่ปี 2558-2561 ที่อยู่ในช่วงการปฏิวัติประเทศไทยมีคนจนเพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 ล้านคน หรือ เพิ่มขึ้น 36% อีกทั้งธนาคารโลกยังบอกว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ รายได้ประชาชนลดลง ซึ่งก็เป็นจริง โดยธนาคารโลกคงไม่มากล่าวหา ถ้าหากไม่เป็นความจริง และ สภาวะปัจจุบันที่โรงงานปิดแล้วเป็นหมื่นโรงงาน คนตกงานเพิ่มหลายแสนคน หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง หนี้เสียเพิ่มมาก คนฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจเกือบทุกวัน และเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปีนี้จะติดลบ และ อาจจะถึงกับติดลบทั้งปีได้ โดยรัฐบาลยังไม่ทิศทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจได้เลย แบบนี้ไม่เรียกภาวะกบต้มแล้วจะให้เรียกภาวะกบสุกหรืออย่างไร