จากการสำรวจที่จัดทำขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนการเดินทางระหว่างประเทศเป็นเวลา 10 วันของ ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน เพื่อการเดินทางต่อไปยังกัวเตมาลาและเบลีซ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการทูตของไต้หวันเอง โดยแวะพักที่นิวยอร์กและลอสแองเจลิส และไช่อาจมีการเข้าหารือกับ เควิน แม็กคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ไช่เดินทางถึงนิวยอร์กเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 มี.ค.) ในการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 ทั้งนี้ ทางการจีน ซึ่งมองว่าไต้หวันที่มีปกครองตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของจีนเอง และไม่ปฏิเสธว่าตัวเองพร้อมจะใช้กำลังเข้าครอบครองเกาะไต้หวัน กล่าวว่า พวกเขา “ต่อต้านอย่างรุนแรง" ในการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไต้หวัน
จากผลการสำรวจของ Pew ที่ทำการสำรวจประชาชนผู้ใหญ่ของสหรัฐฯ จำนวน 3,576 คน ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่า ชาวสหรัฐฯ 66% มองไต้หวันในแง่บวก และในบรรดาผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เกือบ 1 ใน 10 กล่าวว่า พวกเขามีมุมมองที่ดีต่อไต้หวัน
สำหรับผู้ที่เห็นไต้หวันในเชิงบวก มากกว่าครึ่งมองว่าความตึงเครียดระหว่างรัฐฐาลจีนกับไต้หวันนั้น เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากสำหรับสหรัฐฯ ซึ่งลดลงถึง 32% สำหรับผู้ที่ไม่มีมุมมองที่ดีต่อไต้หวัน
อย่างไรก็ดี กลับมีผลลัพธ์ตรงกันข้ามกับความรู้สึกเชิงลบของชาวสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนย่ำแย่ลงอย่างมาก รวมถึงไต้หวันด้วย โดยการสำรวจของ Pew ในเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว หรือ 2 เดือนหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน พบว่าชาวสหรัฐฯ กว่า 82% มองจีนในแง่ลบ ในขณะที่ 62% ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง
ความคิดเห็นที่ดีต่อไต้หวันและมุมมองเชิงลบต่อจีน ยังพบได้ในการสำรวจความคิดเห็นของ Pew อีกฉบับเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจัดทำขึ้นไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนก่อนหน้าแมคคาร์ธี ได้เดินทางเยือนกรุงไทเปในเดือน ส.ค.ปีก่อน อันเป็นการเดินทางที่สร้างความเดือดดาลให้แก่รัฐบาลจีน ซึ่งมองว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ละเมิดอธิปไตยของจีน
การสำรวจดังกล่าวยังพบอีกว่า ชาวสหรัฐฯ 54% เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ควรเดินทางเยือนไต้หวันต่อไป แม้ว่าจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีนก็ตาม โดยมีเพียง 38% ที่ระบุว่าสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับจีน มากกว่าส่งนักการเมืองของตัวเองไปเยือนไต้หวัน
ทั้งนี้ ผู้ที่ระบุว่าตัวเองมีมุมมองทางการเมืองแบบรีพับลิกันมากกว่า มีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน มากกว่าผู้ที่มีความคิดแบบเดโมแครต และโดยทั่วไปแล้ว ผู้ชาย ผู้ที่มีการศึกษาสูง และชาวสหรัฐฯ ที่มีอายุมาก มักจะมองว่าความตึงเครียดของไต้หวันกับจีน เป็นปัญหาที่รุนแรงกว่าสำหรับสหรัฐฯ
ที่มา: