การประหารชีวิตในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (20 มิ.ย.) ในจังหวัดลาห์มันทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ ศาลฎีกาของตาลีบันระบุในแถลงการณ์ถึงการประหารดังกล่าว โดยไม่ได้ระบุว่าชายรายดังกล่าวถูกประหารชีวิตด้วยวิธีใด
ศาลฎีกาของตาลีบันกล่าวว่าการประหารเกิดขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตาลีบันในภูมิภาค และการประหารชีวิตได้รับการอนุมัติจากผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของตาลีบันในอัฟกานิสถาน หลังจากการสืบสวนที่ถูกสรุปโดย "สามชั้นศาล"
“เนื่องจากความร้ายแรงของคดี ผู้นำสูงสุดยังได้ดำเนินการสอบสวนขั้นสุดท้าย และหลังจากการหารือกับนักวิชาการ ได้มีการยืนยันโทษการประหารชีวิต” แถลงการณ์ของศาลฎีกาของตาลีบันระบุ
การประหารชีวิตในครั้งนี้ เน้นย้ำถึงความตั้งใจของตาลีบันที่ปกครองอัฟกานิสถาน ในการสานต่อนโยบายอันแข็งกร้าว ที่ทางกลุ่มดำเนินการมาตั้งแต่พวกเขาเข้ายึดครองประเทศแห่งนี้เมื่อเกือบ 3 ปีก่อน
เมื่อปีที่แล้ว ศาลฎีกาของตาลีบันได้ประกาศบทลงโทษ เช่น การเฆี่ยนในที่สาธารณะสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด เช่น การปล้นและการล่วงประเวณี ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ ที่กฎหมายของอัฟกานิสถานจะกลับไปสู่แนวทางปฏิบัติทั่วไปเดิม ภายใต้การปกครองของตาลีบันเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990
ก่อนหน้านี้ การประหารชีวิตครั้งแรกที่ได้รับการยืนยันภายใต้กลุ่มตาลีบัน นับตั้งแต่การกลับมามีอำนาจ เกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.ในจังหวัดฟาราห์ทางตะวันตก ต่อหน้าผู้ชมหลายร้อยคนและเจ้าหน้าที่อาวุโสของตาลีบันอีกกว่าสิบคน โดยในการประหารครั้งนั้น ชายคนหนึ่งที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆาตกรรม ถูกประหารชีวิตด้วยปืนไรเฟิลโดยพ่อของเหยื่อ
ภารกิจของสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน ได้อออกรายงานเมื่อเดือน พ.ค.ว่า มีคนมากกว่า 300 คนถูกเฆี่ยนตีต่อหน้าสาธารณะในระยะเวลา 6 เดือน ในขณะที่สหประชาชาติเองเรียกร้องให้ตาลีบันยุติการปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว นอกจากนี้ สหประชาชาติยังเรียกร้องให้ตาลีบันยุติโทษประหารชีวิตด้วย
อัฟกานิสถานมีการลงโทษด้วยการเฆี่ยน และประหารชีวิตในที่สาธารณะด้วยการขว้างด้วยก้อนหิน ระหว่างการปกครองของกลุ่มตาลีบันครั้งก่อนตั้งแต่ปี 2539 ถึง 2544 อย่างไรก็ดี การลงโทษในลักษณะดังกล่าวมีอัตราที่ลดลงอย่างมาก หลังจากการล่มสลายของตาลีบันในปี 2544 และถูกประณามโดยรัฐบาลอัฟกานิสถาน ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติในเวลาต่อมา แม้ว่าโทษประหารจะยังคงมีอยู่กฎหมายก็ตาม
ที่มา: