วันที่ 10 มี.ค. เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องให้ดำเนินการเรียกตัว 1. วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ 2. องค์การบริหารส่วนจังหวัด จ.นครราชสีมา เข้าชี้แจงต่อ กกต. ว่า สิ่งที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอ้างระหว่างการปราศรัยเป็นจริงหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตาม พรป. การเลือกตั้ง ส.ส. ฉบับ ที่ 2 พ.ศ. 2566 พรป.พรรคการเมือง 2560 และรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อความสุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
สนธิญา กล่าวยืนยันว่า การมายื่นร้องของตนไม่ว่าจะครั้งนี้ หรือครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากอาการ “หิวแสง” ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมของตนเอง แต่เกิดจากพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ซึ่ง ณัฐวุฒิ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่เป็นเสมือนนักโทษที่อยู่ระหว่างการต้องโทษ ก็คือห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ห้ามไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยซ้ำ แม้ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจนประการหนึ่งประการใด แต่จำเป็นต้องมีจริยธรรมและคุณธรรมของนักการเมือง
นอกจากนี้ สนธิญา ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเอาผิดตนเอง ฐานยื่นคำร้องโดยมิได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วนและถูกต้องเสียก่อนว่า การที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศบางอย่างออกมา ขอเรียนว่าโปรดพิจารณาให้ถ่องแท้ ในการกระทำการใดๆ ในนามของพรรค เพราะ ม.101 วรรค 2 ของกฎหมายพรรคการเมืองนั้น หากเป็นการกระทำเพื่อใส่ร้ายบุคคล มีโทษเป็น 2 เท่า และถึงขั้นถูกยุบพรรคได้ ยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่คนเสนอยุบพรรคหนึ่งพรรคใด เพียงแค่จะบอกว่าเราอยู่บนตัวกฎหมายฉบับเดียวกัน
“วันนี้ ท่านร้องมาเลย เพราะการร้องครั้งนี้ ผมบอกแล้วว่าเป็นการร้องเพื่อให้สอบหาข้อเท็จจริง ว่าสิ่งที่เอาไปหาเสียงอะไรพวกนี้ ทำได้ถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ ผมไม่ได้บอกว่าเขาผิด แต่ขอให้มีการตรวจสอบ ถ้าตรวจสอบแล้วผิดหรือถูก ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติหรือการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายต่อไป” สนธิญา ระบุ
เมื่อถามว่า การมาร้องของ สนธิญา ถูกกล่าวหาว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งอยู่เบื้องหลัง และจะมีการรวบรวมหลักฐานเอาผิดพรรคการเมืองนั้นด้วย สนธิญา กล่าวตอบว่า ตนร้องมาตั้งแต่ปี 2550 ไปดูประวัติได้เลย การบอกว่าตนมีพรรคการเมืองหนุนหลัง ขอบอกว่าตนสังกัดพรรคการเมืองมาตลอด เพราะชีวิตทำงานการเมือง
ทั้งนี้ ขอถามกลับไปว่า คนที่กล่าวหาตนเองเช่นนี้ หากไม่ได้ทำผิดหรือไม่มีมูล ตนจะร้องได้จริงหรือ เพราะตนดูกฎหมายทุกฉบับก่อนดำเนินการทำอะไร ดังนั้น อย่าใส่ร้ายกันทางการเมืองเลย แต่ให้เอาความจริงมาพูด พร้อมยืนยันว่า การมาร้องต่างๆ เป็นการกระทำส่วนตัว หากตนไปรับเงินพรรคการเมือง หรือทำอะไรกับพรรคการเมืองจริง คงจะรวยมากกว่านี้แล้ว