ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์' ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันพบ 'ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ-ผู้นำอาเซียน' หวังสหรัฐฯ เอื้อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 พ.ค. 2565 ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ รัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำอาเซียน โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในงานเลี้ยงฯ 

สหรัฐอเมริกา อาเซียน -A4AD-451C-8A4B-6F4361B0DCBC.jpegประยุทธ์ สหรัฐอเมริกา อาเซียน -543D-4732-AF78-92C3C1222777.jpeg

โดย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ได้พบผู้นําจากฝ่ายรัฐสภาสหรัฐฯ ผู้ทรงเกียรติและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งครบ 45 ปีในปีนี้ โดยไทยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพลิกฟื้นให้โลกกลับมาเข้มแข็ง มีสันติสุข และประชาชนมีความมั่นคงในการดำรงชีวิตในยุค Next Normal 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันถือเป็นจุดแข็งหลักของอาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนกว่า 1 พันล้านคนของอาเซียนและสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอาเซียน เป็นคู่ค้าอันดับ 2 และนักลงทุนอันดับ 1 ของภูมิภาค ความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การผลักดันการค้าเสรี และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นวาระสำคัญที่ทุกประเทศต้องดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจของโลกกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่าน อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยเฉพาะการปฏิวัติอุตสาหกรรมของโลกครั้งที่ 4 ดังนั้น ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปีนี้ จึงให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ เป็นลำดับต้น 

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 5 ของโลก และคาดว่าจะเติบโตเป็นอันดับ 4 ภายในปี ค.ศ. 2030 อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับภาคธุรกิจ และสร้างงานให้กับชาวอเมริกันได้อีกมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสาขาใหม่ ๆ อาทิ พลังงานสะอาด อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล และนวัตกรรมการแพทย์ ซึ่งสำหรับประเทศไทย ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐเป็นความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งดำรงมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1833 โดยเริ่มจากความตกลงด้านมิตรภาพและพาณิชย์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรและการมีผลประโยชน์ร่วมกันในทุกด้าน ปัจจุบันสหรัฐฯ มีการลงทุนในไทย 17 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ภาคเอกชนไทยมาลงทุนใน 26 รัฐของสหรัฐฯ คิดเป็นจำนวนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า บรรยากาศแห่งความสงบ สันติสุข จะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการฟื้นฟูและพัฒนาไปสู่การมีอนาคตที่มั่นคง โดยหวังจะเห็นบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ผ่านความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่ายใน 4 สาขาภายใต้กรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก บนพื้นฐานของหลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการสนับสนุนจากรัฐสภาสหรัฐฯ ด้วย

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของสองฝ่าย และของภูมิภาค และหวังว่า รัฐสภาสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุน และผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ในทางบวกให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อประโยชน์อันยั่งยืนและสมดุลของประชาชนของอาเซียนและสหรัฐฯ 

ประยุทธ์ สหรัฐอเมริกา อาเซียน 0A8C-47E6-AF99-0CEB9E0E7103.jpeg