อาชญากรรม
สนช. ตั้งกระทู้ถามแนวทาง 'นายกฯ' ป้องกันพนันบอล
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนตอบกระทู้ซึ่งนายวัลลภ กล่าวว่า ปี 2560 มีนักพนันกว่า 4 ล้านคน ซึ่งเป็นเยาวชนที่เป็นนักพนันหน้าใหม่กว่า 2 แสนคน และเป็นนักพนันผลการแข่งขันฟุตบอลกว่า 6 แสนคน ซึ่งมีเกิดการหมุนเวียนของเงินจำนวน 335 ล้านบาท หากคิดเป็นหนี้ต่อเยาวชนเฉลี่ยคนละ 3,512 บาทต่อคน
โดยนายวัลลภให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า จากผลการสำรวจพบว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวเยาวชนส่วนใหญ่ เช่น พ่อแม่ และชุมชน มีการเล่นการพนันอย่างแพร่หลาย ทำให้เยาวชนเหล่านั้นซึมซับพฤติกรรม และเลียนแบบเมื่อโตขึ้น ขณะเดียวกันการติดหนี้พนันบอลจะนำมาสู่การประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย ได้แก่ ค้ายาเสพติด ลักขโมย หรือกระทั่งการค้าประเวณี
ดังนั้น นายวัลลภ จึงตั้งคำถาม 2 คำถามต่อนายกรัฐมนตรีว่า 1) รัฐบาลมีนโยบายป้องกันการเล่นพนันบอลในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ได้อย่างไร? และ 2) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางการปราบปราม หรือจับกุมผู้เล่นพนันบอลอย่างไร?
ขณะที่ นายสุธี ได้ตอบกระทู้ว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เรื่องคุณธรรม จริยธรรม และระบบธรรมาภิบาล โดยมีกฎหมายที่สอดคล้องกันดังนี้ คือ พระราชบัญญติการพนัน 2478, พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก 2546, คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 24/2557, 22/2558, และ 46/2559
รวมทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 ซึ่งมีการทำงานแบบการบูรณาการจาก 11 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานภายใต้ข้อตกลงร่วม MOU เพื่อให้เกิดความร่วมมือใน 4 มิติ ได้แก่ การสื่อสารและสร้างความตระหนักให้แก่สังคม, การป้องกัน, การปรามปรามและการบังคับใช้กฎหมาย, และการช่วยเหลือเยียวยา
ส่วนแนวทางในการปราบปรามจับกุมผู้เล่นพนันบอล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งศูนย์ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการสื่อสารลักลอบเล่นพนันบอล มีผลการจับกุม 1,576 คดีจำนวนผู้ต้องหา 1,660 ราย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปิดกั้น หรือลบข้อมูลทางเว็บไซต์การพนันทางทั้งไทยและต่างชาติได้ 50 ครั้ง
นอกจากนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังได้สร้างภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และผู้ปกครอง และมีสายด่วนเพื่อรับเรื่องดังกล่าวจากภาคีเครือข่าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599, ศูนย์ดำรงธรรม 1567, กระทรวงศึกษาธิการ 1579, ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สพฐ. 022885599, ศูนย์ช่วยเหลือสังคมของกระทรวง พม. 1300, สายด่วนวัฒนธรรม 1765, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี 021422555-60
อ่านเพิ่มเติม
