หัวชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงว่า จีนบรรลุข้อตกลงในการลดกำแพงภาษีการนำเข้ายารักษาโรคจากอินเดียแล้ว โดยเฉพาะยารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปนโยบายเรื่องยารักษาโรคของรัฐบาลจีน นอกจากนี้ จีนยังจะเพิ่มการนำเข้ายารักษาโรคด้วย
จีนเป็นตลาดยารักษาโลกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ซึ่งจากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ L.E.K. Consulting ของอังกฤษ ระบุว่า ปี 2017 ที่ผ่านมา มีการขายยาในจีนมากถึง 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจีนยังเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ช่วยให้บริษัทผลิตยารักษามะเร็งเติบโตขึ้นได้อย่างมาก โดยเฉลี่ยมีผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 4.3 ล้านคนต่อปี
จ้าวเหิง จากองค์กรละติจูดเฮลธ์ของจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สว่า ที่ผ่านมาระบบประกันสุขภาพที่สนับสนุนโดยรัฐบาลจีนก็ช่วยลดค่ายารักษาโรคลงได้ประมาณร้อยละ 10 ขณะที่ยารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งเพิ่งถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อยาที่รัฐบาลตั้งใจจะตัดลดค่าใช้จ่าย ก็อาจทำให้ราคาลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง
ท่าทีดังกล่าวของกระทรวงต่างประเทศของจีนทำให้หลายคนมองว่าเป็นการตอบรับกระแสสังคมที่กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการซื้อยารักษามะเร็ง เนื่องจากภาพยนตร์ Dying to Survive หรือชื่อจีนว่า 我不是药神 ภาพยนตร์จีนที่พูดถึงความเจ็บป่วยของสังคมที่เกิดจากค่ายารักษาโรคที่แพงเกินเหตุในจีน
ภาพยนตร์เรื่อง Dying to Survive เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าสะท้อนสังคมกำกับโดยเหวินมู่เหย่ และนำแสดงโดยสวีเจิง ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของนักธุรกิจที่ป่วยเป็นลูคีเมีย และนำเข้ายารักษาโรคจากอินเดียมาในราคาถูก เพื่อรักษาตัวเองและผู้ป่วยโรคมะเร็งคนอื่นๆ กว่าพันคน แต่กลับถูกจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งทำให้หลายคนมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเหมือนภาพยนตร์ฮอลลีวูด Dallas Buyers Club เวอร์ชั่นจีน
Dying to Survive เพิ่งจะเข้าโรงภาพยนตร์ไปเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา และสามารถทำรายได้มากกว่า 260 ล้านดอลลาร์แล้ว แซงหน้าภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ Jurassic World: Fallen Kingdom และ Transformers: The Last Knight ไปแล้ว แม้จะใช้ทุนสร้างต่ำ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถทำรายได้ทั้งหมดมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้ในจีนได้มากที่สุด
Dying to Survive ได้รับคำชมว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทลายกรอบการทำภาพยนตร์จีนได้อย่างสร้างสรรค์ เพราะนอกจากจะเป็นภาพยนตร���ที่ทำออกมาได้ดี ยังสามารถวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาสังคมที่ใหญ่มาก และยังสามารถผ่านคณะกรรมการเซนเซอร์ของรัฐบาลจีนมาได้ จึงทำให้ชาวจีนชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก
ที่มา : Hollywood Reporter, Bloomberg, Finacial Times