ราชกิจจานุเบกษา วันนี้ (15 ส.ค.) เผยแพร่ ประกาศ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าโดยที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ให้ความเห็นชอบผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามจำนวน 5 คน เป็น กกต. และบุคคลผู้ได้รับความเห็นชอบเป็น กกต. ทั้ง 5 คนได้ประชุมเพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต.แล้ว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 222 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 8 และมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.พ.ศ.2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานกรรมการและ กกต. ดังนี้
1. นายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธานกรรมการการเลือกตั้ง
2. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ เป็นกรรมการการเลือกตั้ง
3. นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย เป็นกรรมการการเลือกตั้ง
4. นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี เป็นกรรมการการเลือกตั้ง
5. นายปกรณ์ มหรรณพ เป็นกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 ส.ค. 2561 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระราชโองการ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.
กกต. 4 คน ชุด 'ศุภชัย' พ้นตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 กำหนดให้ประธาน กกต. และ กกต.ซึ่งดำรงตำแหน่งก่อนวันที่กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับให้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า ประธาน กกต. และกกต.ที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ดังนั้น เมื่อมีประกาศแต่งตั้ง กกต.ชุดใหม่แล้ว จะทำให้ กกต.ชุดปัจจุบันที่มีอยู่ 4 คนที่ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิตร รัตนเพียร และนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. จะถือว่าพ้นจากตำแหน่ง กกต.ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กกต.ชุดนายศุภชัย ได้ปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ไม่ครบวาระ 7 ปี เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 กำหนดให้ต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีเมื่อ กกต.ชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง
โดย กกต.ชุดนายศุภชัย เคยผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปแค่ 1 ครั้ง คือ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 แต่สุดท้ายการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ และนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2557 อีกทั้งยังเคยจัดการเลือกต้ัง ส.ว. เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2557 จนได้ ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้ง 77 จังหวัด และจากการสรรหา จำนวน 73 คน และเคยผ่านการจัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 โดยเสียงเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 61.35 และเห็นชอบคำถามพ่วง ร้อยละ 58.07
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
