ไม่พบผลการค้นหา
อสส.เดินหน้าสั่งฟ้อง 9 อดีตแกนนำ กปปส. ฐานเป็นกบฏ ส่องสุม ก่อความวุ่นวาย ขัดขวางเลือกตั้ง พ่วงฟ้อง 'สุเทพ-ชุมพล'คดีก่อการร้าย

ช่วงเช้าวันนี้ (24 ม.ค. 61 ) อัยการสำนักงานคดีพิเศษได้นัดแกนนำและแนวร่วมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กลุ่มอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และนักวิชาการ รวมทั้งอดีตเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกบฏ จากการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2556- 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาฟังคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญา

โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินทางมาถึงที่สำนักงานอัยการสูงสุด ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูด และเตรียมความพร้อมยอมรับสภาพในฐานะจำเลย แต่ก็มั่นใจในพยานหลักฐานของตัวเอง ยืนยันไม่ว่าผลการพิจารณาเป็นอย่างไร ก็ไม่คิดหนีไปไหน และเชื่อว่าผู้ต้องหาทุกคนก็ไม่คิดหนีเช่นกัน

ด้านนายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. มารับฟังคำสั่งฟ้องจากอัยการโดยเตรียมเงินประกันไว้ 600,000 บาท เหมือนกับแกนนำ 4 คนที่ถูกห้องก่อนหน้านี้ นายอิสสระ บอกว่า ไม่กังวลกับการรับฟังข้อหาในวันนี้ และให้เป็นไปตามขั้นตอน พร้อมยืนยัน จะไม่กระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตัวเองได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว ระหว่างออกมาชุมนุม และส่วนตัวก็ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะได้ไปบวชมาด้วย ขณะที่ อดีต ส.ส.คนอื่น ในตอนนั้น ก็ลาออกจากตำแหน่งในพรรคเช่นกัน

ส่วนความล่าช้าในการทำคดี ที่ฝ่าย นปช. ตั้งข้อสังเกตนั้น นายอิสสระ บอกว่า ไม่เกี่ยวกับ กปปส. แต่เป็นเพราะฝ่ายโจทย์น่าใช้เวลาเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งสามารถสั่งฟ้อง ได้ในวันนี้

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายสกลธี ภัททิยกุล นายเสรี วงษ์มณฑา และนายสนธิญาณ ชื่อฤทัยในธรรม ได้เดินทางรับฟังคำฟ้องของอัยการ

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง กปปส. ในคดีดังกล่าว ต่อศาลอาญา 9 คน คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ในข้อหาฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ฐานสนับสนุนการกบฏ และเป็นผู้สนับสนุนยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน ร่วมกันปิดงานงดจ้าง อั้งยี่ ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธเป็นหัวหน้าหรือ ผู้มีหน้าที่สั่งการ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ หรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง

นอกจากนี้ อัยการสูงสุดยังได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มแก่จำเลยที่ 1 คือนายสุเทพ และจำเลยที่ 3 คือ นายชุมพล ในข้อหาร่วมกันก่อการร้ายด้วย

โดยในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 58 คน อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง 1 คน คือ นายพิจารณ์ สุขภารังษี และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ส่งสำนวนมาให้อัยการ 3 คน และมีการแยกสำนวน เนื่องจากข้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน 7 คน 

ทั้งนี้มีการยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้ 4 คน คือ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายสกลธี ภัททิยกุล นายเสรี วงษ์มณฑา และนายสนธิญาณ ชื่อฤทัยในธรรม

ส่วนที่เหลืออีก 34 คน มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนการสั่งฟ้อง ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ต้องหาสามารถดำเนินการได้ โดยคณะทำงานจะมีการพิจารณาถึงเหตุผล ว่ามีความสมเหตุสมผลในการขอเลื่อนการสั่งฟ้องหรือไม่ แต่หากผู้ต้องหาทั้ง 34 คน จะเดินทางมาในช่วงบ่าย ก็สามารถทำได้