นายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวประณามรัสเซียในครั้งนี้ที่สำนักงานของศูนย์ตา จมูก และคอ ของโรงพยาบาลนักองค์ด้วงในกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) สืบเนื่องจากข้อวิจารณ์ของประชาชนต่อท่าทีของกัมพูชาในประเด็นสงครามยูเครน
ทั้งนี้ ฮุนเซนย้ำว่าผู้ที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นด้านนโยบายต่างประเทศในประเด็นสงครามยูเครนได้มีเพียงแค่ พระมหากษัตริย์ กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
The Phnom Penh Post รายงานถึงผู้วิจารณ์รัฐบาลกัมพูชาที่ตัดสินใจลงมติประณามรัสเซียในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า เป็นเพียงแค่การลงมติจากการที่กองทัพของกัมพูชาไม่มีความทันสมัย พร้อมทั้งกับการที่ไม่มีแม่ทัพที่สามารถลงไปรบในสนามรบได้ ทั้งนี้ ฮุนเซนย้ำว่าข้อวิจารณ์ดังกล่าวอาจส่งผลต่อท่าทีของกัมพูชาต่อประเด็นความขัดแย้งในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาย้ำว่า กัมพูชายืดหลักการทางกฎหมายและกฎบัตรสหประชาชาติ และกัมพูชาจะไม่นำกองทัพของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ฮุนเซนยืนยันว่ากัมพูชาต่อต้านการใช้กองกำลังทางทหารไม่เพียงแต่ในความขัดแย้งรัสเซียยูเครน แต่หมายรวมถึงความขัดแย้งในทุกๆ ประเทศ
“กัมพูชายึดหลักการไม่ใช่แต่เรื่องรัสเซีย เราได้ต่อต้านการรุกรานประเทศอื่นจากอีกประเทศมาโดยตลอด หรือแม้แต่รัสเซีย ผู้ที่เป็นเพื่อนของเราและเคยช่วยเหลือเรา เรามีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ช่วงปี 2490 แต่สิ่งนี้จะเปลี่ยนไปจากการรุกรานยูเครน” ฮุนเซนย้ำก่อนกล่าวว่า “การรุกรานดังกล่าวเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ต่อกัมพูชา และเราไม่สามารถเป็นกลางได้”
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ฮุนเซนได้ต้อนรับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในการเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือกันในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีและอาเซียนกับญี่ปุ่น โดยถึงแม้ว่าผู้นำทั้งสองจะเห็นด้วยว่าการรุกรานของรัสเซียในยูเครนจะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ แต่จากเอกสารแถลงการณ์ร่วมกลับหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อรัสเซีย หรือการใช้คำประณามการกระทำของรัสเซียโดยตรง
ที่มา:
https://m.phnompenhpost.com/national-politics/pm-no-neutrality-ukraine-row