การเมือง
'โทนี่' แนะ ธปท.จับมือรัฐบาลแก้ ศก. เชื่อ 'ประวิตร' หวัง 'ประยุทธ์' ไปลับ อัดกัญชาเสรี เด็กแอบสูบ
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 27 ก.ย. 2565 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) ระบุผ่านรายการ CareTalk x Care ClubHouse ในหัวข้อ ‘บาทอ่อน ดอลลาร์แข็ง เศรษฐกิจไทยกำลังจะหมดแรง แสงสว่างอยู่ที่ไหน’ โดยมี พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจหลายสมัย และ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร
โดยช่วงแรก โทนี่ กล่าวถึงการไปเที่ยวปีนัง ประเทศมาเลเซีย พร้อมด้วย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวถึงวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันระหว่างปีนัง และภูเก็ต แต่ปีนังมีความแตกต่างที่มีการพัฒนาเป็นเมืองที่ใหญ่กว่า และอาหารราคาถูก รวมถึงปีนังยังมีการรักษาความเก่าแก่ด้วยเมืองจอร์จทาวน์ เมืองหลวงของปีนัง ซึ่งสามารถนำมาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจได้
อีกทั้งยังได้พูดถึงประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกโหวตให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย แทนฮ่องกงเนื่องจากมีปัญหาทางการเมืองจากนโยบาย 2 ระบบ 1 ประเทศ จนทำให้คนที่ลงทุนในฮ่องกงขยับมาอยู่ที่สิงคโปร์ และชี้อีกว่า ประเทศสิงคโปร์ไปไกล เพราะเป็นประเทศที่รักษาระบบดี ไม่เหมือนประเทศไทยที่เอาตัวบุคคลเป็นหลัก และทำระบบเสียอยู่เรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ แล้วระบบต้องแข็งแรงจึงจะทำให้องค์กรแข็งแรง หากคนไม่ดี แต่ระบบยังดีอยู่ ประเทศถึงจะรอด
นอกจากนั้นยังได้กล่าวถึงกรณีที่โพสต์ในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับทหาร และยาม ในวันครบรอบ 16 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ว่า สิ่งที่ตนจะหมายถึงคือ ทั้งทหาร และยาม ทั้งชีวิตถูกฝึกมาให้ดูแลความปลอดภัย ในเมื่อถูกฝึกมาแบบนี้ เมื่อเอาหัวหน้ายามมาเป็น CEO ย่อมไม่ได้ ทหารก็เช่นกัน การเอามาบริหารประเทศก็ย่อมไม่เข้าใจมิติที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว
ห่วงพายุโนรูเข้าไทย แนะรัฐบาลขอคำปรึกษา 'ปลอดประสพ'
โทนี่ ยังได้พูดถึงการยกเลิกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งลากยาวมากว่า 2 ปี ว่า เป็นข่าวดีของประเทศไทย และวันนี้กิจการซิโนแวคปิดตัวลงเรียบร้อยแล้ว ทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องกลับมาบริหารกิจการแบบ บริษัท ซิโน-ไทยฯ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารสัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่
โทนี่ ยังเป็นห่วงผลกระทบของพายุโนรูที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยซึ่งจะส่งผลกระทบกับความเสียหาย จึงอยากให้รัฐบาลติดต่อ ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปเตรียมการในการรับมือ อีกทั้งประตูช้างเผือกที่ จ.เชียงใหม่ ได้พังลง จึงอยากให้กระทรวงวัฒนธรรมเข้าไปซ่อมแซม หรืออนุญาตให้ตน และชาวเชียงใหม่เข้าไปซ่อมแซมเอง
นอกจากนี้อยากให้มีการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เพราะกังวลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ไม่สามารถใช้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ได้ เพราะฝนตกและท่วมต่อเนื่อง เพียงชั่วโมงเดียวก็ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์พังได้ทั้งหมด และยิ่งระบบรถยนต์ไร้คนขับ ที่ต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ถึง 200 ตัว หากเสียหายต้องใช้เงินจำนวนมากในการซ่อมแซม
“ต้องแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ เพราะน้ำมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ น้ำเหนือที่ไหลลงมา น้ำจากฝนตก และน้ำทะเลที่นับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น หากไม่ป้องกัน และหาช่องทางให้น้ำไหลลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็วไทยอาจไม่สามารถใช้รถอีวีได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและเศรษฐกิจ” โทนี่ ระบุ
‘โทนี่’ ยกบริหาร ศก.Harmony ต้องมององค์รวม
โทนี่ กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศอังกฤษว่า วันนี้ค่าเงินปอนด์ และเงินยูโรที่ต่ำกว่าดอลลาร์ เป็นเพราะ ‘ลิซ ทรัสส์’ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศว่าจะลดภาษี ทำให้คนมองว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลาลดภาษี เพราะทำให้ค่าเงินปอนด์ลดลง และ ‘แอนดริว ไบเลย์’ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเริ่มส่งสัญญาณว่า อังกฤษกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เพราะสหรัฐอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ด้วยจำนวน 0.75% เพราะต้องการสกัดเงินเฟ้อให้อยู่หมัด
โทนี่ ยังได้ยกตัวอย่าง ถึงการทำงานของ ‘อลัน กรีนสปัน’ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาว่า มีการบริหารเศรษฐกิจโดยใช้หลัก ‘Harmony’ ด้วยการเอาค่าต่างๆ ทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นค่าเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์ ค่าการส่งออก ฯลฯ มาผสมผสาน และพยายามปรับสมดุล เหมือนกับนักดนตรีที่ต้องทำให้เมโลดี้ของเนื้อเพลงมันไพเราะ และกลมกลืนกัน ซึ่งการบริหารประเทศที่ดีต้องเอาตัวชี้วัดหลายๆ อย่างมาประกอบกัน และตัดสินใจให้ถูกต้อง มองเป็นองค์รวม ไม่ใช่มองทีละตัว
แม้วันนี้ประเทศไทยเราจะขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง เราก็ทำแบบนั้น แต่ไม่ถูก เพราะเมื่อค่าเงินอ่อน การนำเข้าจะแพงขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ของนำเข้า หรือจะบอกว่ามูลค่าการส่งออกราคาดีกว่า แต่ถามว่า เมื่อการส่งออกดีขึ้น แล้วใครได้รับประโยชน์บ้าง เมื่อค่าเงินอ่อน น้ำมันก็จะขึ้น กระทบทั้งประเทศ ดังนั้นจึงต้องชั่งให้ดี และถ้าจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย ต้องวิเคราะห์ว่าจะขึ้นอย่างไรไม่ให้กระทบประชาชน โดยเฉพาะรัฐบาลที่วันนี้กู้เพิ่มมา 1 ล้านล้านบาท แม้จะชนเพดานเงินกู้ แต่ก็ยกเพดานหนีอยู่เรื่อย
“ป้อม (พล.อ.ประวิตร) บอกว่า อยากเห็นค่าเงิน 35 บาท แต่ถ้านายกฯ ลาวบอกว่า อยากเห็น 1 กีบ เท่ากับ 1 บาท บ้างจะทำอย่างไร มันสั่งไม่ได้ เพราะกลไกค่าเงินมีมากกว่านั้น กำหนดเอาเองตามใจชอบไม่ได้ เราเป็นเศรษฐกิจเชื่อมโยงทั้งโลก โดยเฉพาะค่าเงินมันมีหลายตัว” โทนี่ กล่าว
เตือน ศก.ไทยถูกต้อน ถ้านักท่องเที่ยว 2 ล้านต่อเดือนฟื้นได้
จากนั้น ศุภวุฒิ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาว่า เมื่อวันพุธที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve System (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 3.2% ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า ปลายปีนี้ดอกเบี้ยจะขึ้นไปถึง 4.25-4.5% ซ้ำร้ายปลายปีหน้า ตลาดในสหรัฐฯ มีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่า ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 4.75% ด้วยนโยบายที่มุ่งมั่นจะเอาเงินเฟ้อให้อยู่หมัด จนไม่แคร์เศรษฐกิจประเทศอื่นๆ
ขณะที่ ธนาคารกลางของอังกฤษขึ้นดอกเบี้ยไปแค่ 50 เบซิสพอยต์ จนคนมาตำหนิว่า ทำไมไม่ขึ้นไปถึง 75 เบซิสพอยต์ เพราะนโยบายอังกฤษดอกเบี้ยต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา จนเมื่อมีการประกาศของ กวาซี กวาร์เทง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศอังกฤษที่จะลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้ขาดดุลงบประมาณไปอีก จนทำให้เงินปอนด์ร่วงไปกว่า 3% และส่งผลให้ตลาดที่ขาดดุลอยู่ 2-3% กลายเป็น 5-7% ซึ่งขณะนี้หนี้สาธารณะในอังกฤษสูงกว่าค่าจีดีพีไปแล้ว 90% และอาจจะสูงเกิน 100% อีกด้วย
ศุภวุฒิ กล่าวอีกว่า กลัวว่าประเทศไทยจะอยู่ในสถานะที่ถูกกลไกตลาดต้อนจนจนมุม ตอนนี้ประเทศไทยมีดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ซึ่งพรุ่งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะขยับขึ้นมาเป็น 1% ซึ่งส่วนต่างจะห่างจากสหรัฐอเมริกามาก ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยน้อย และไม่ทันท่วงทีจะเกิดปัญหาทำให้เงินทุนไหลออก การฝากเงินในสหรัฐฯ จะได้ดอกเบี้ย 3-4% หากฝากในเมืองไทยจะได้แค่ 1%
ศุภวุฒิ กล่าวต่อว่า อีกช่องทางหนึ่งคือ เงินจากบัญชีเดินสะพัด คือ การซื้อสินค้าและบริการ ลบด้วย การขายสินค้าและบริหาร หารเราขายสินค้าและบริการจะทำให้เกิดการเดินสะพัด แต่ปัญหาคือ ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของประเทศเราขาดดุลการค้าในเดือน ส.ค. 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะน้ำมันขึ้นราคา แปลว่า เงินไหลออกจากบัญชีเดินสะพัด หากเป็นแบบนี้ต่อไปอีก 2-3 เดือนจะมีปัญหาแบบประเทศอังกฤษ ซึ่งถ้าหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 2,000,0000 คน ภายในเดือน ต.ค. ถึงเดือน ก.พ.2566 ก็จะช่วยได้อยู่ แต่เราจะไปหวังอย่างนั้นแล้วทำอะไรเลยไม่ได้ มันมีความเสี่ยงสูงมาก
ขณะที่ โทนี่ เสริมว่า หากเราอยากได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจการบินในประเทศมีปัญหา ทำให้เราประสบภาวะไม่พร้อมขนคน เมื่อก่อนตนเปิดการบินเสรี เพราะมององค์รวมของประเทศ ไม่ได้มองแค่การบินไทยเป็นหลัก วันนี้ดูตัวเลขพบว่า มีเที่ยวบินจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ไปที่เกาะเชจู ภายใน 1 เดือนสูงถึง 1,300,000 ที่นั่ง แปลว่า เขาใช้ไฟล์ทบินจำนวนมาก และแน่นอนตนเชื่อว่า รัฐบาลจะไม่เข้าใจ และไม่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ย้ำ ศก.อยู่ใน ‘ภาวะสงคราม’ อัดรัฐบาล ‘ประยุทธ์’ บริหารงานแบบสถานการณ์ปกติ
ด้าน พันศักดิ์ กล่าวว่า คำว่า ‘Harmony’ ที่โทนี่พูดถึง ต้องเอามาเล่าให้เด็กรุ่นใหม่ฟังเยอะๆ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งๆ ของโลกมักจะมีแนวคิดที่ค่อนข้างเป็นจารีต หรือ Traditional และย้ำว่า เราอยู่ในเศรษฐกิจแบบสงคราม มีกระบวนการลงโทษทางเศรษฐกิจและการขนส่ง อีกทั้งพลังงาน และเรื่องของการจัดหาวัตถุดิบในการผลิตก็เป็นปัญหาของประเทศเรา
พันศักดิ์ ชี้อีกว่า เศรษฐกิจของประเทศไทย ณ ตอนนี้ รัฐบาลต้องทำงานมากกว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยหน้าที่ของรัฐบาลต้องให้องคาพยพของตัวเองจัดการระบบทางเศรษฐกิจให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการได้ ถ้าไม่คิดแบบนี้แล้วหวังให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแก้ปัญหาอยู่อย่างเดียว มันจะทำไม่ไหว
ขณะที่ โทนี่ กล่าวเสริมว่า วันนี้เราอยู่ในภาวะที่สถานการณ์โลกไม่ปกติ แต่รัฐบาลยังบริหารประเทศแบบปกติ ตนไม่เห็นว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาด้านโน้นด้านนี้ที่สำคัญๆ อาจจะเป็นเพราะเมื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นแล้วก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรกัน
แบงก์ชาติ ‘อิสระ’ ไม่ได้ ‘โทนี่’ ย้ำ การบริหารศก.เหมือนอนาโตมีมนุษย์
โทนี่ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยในยุคของตนกำลังเห่อทฤษฎี Inflation Targeting คือการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยทำเป้าหมายช่วงพิสัย สำหรับอัตราเงินเฟ้อเป็นการล่วงหน้า และตอนนั้นการประชุมด้านเศรษฐกิจ ก็ได้เชิญ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้นมา แต่ ม.ร.ว.จัตุมงคคล ก็มักจะส่งรองผู้ว่าการฯ มา และเมื่อมีการคุยกันแล้วความเห็นไม่ตรงกัน ก็ขออนุญาตปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งท่านก็น่ารัก และบอกว่าไม่มีปัญหา เมื่อคราวเปลี่ยนมาเป็น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ก็ทำงานรู้เรื่อง เพราะมีการพูดคุย ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
โทนี่ กล่าวว่า การทำงานในเรื่องเศรษฐกิจก็เหมือนกับอนาโตมี่ในร่างกายมนุษย์ ถ้าหัวใจทำงานเองโดยไม่สนใจตับไตไส้พุง มันจะทำงานไม่ได้ เพราะเราอยู่ร่วมกัน ประเทศไทยเราชอบสร้างรัฐอิสระ ไม่ยอมให้มีการทำงานร่วมกัน คำว่าอิสระ มันต้องทำงานร่วมกัน ไม่เช่นนั้น ประเทศจะไปไม่ได้ ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ เป็นลักษณะของสมัยยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ถ้าหัวหน้าผู้บริหารไม่เป็นเจ้าภาพในการจัดการ มันจะเหนื่อย
สมัยก่อนจัดเวิร์คช็อปประจำ นั่งคุยกัน เถียงกันให้มันจบตรงนี้ อย่าไปคิดว่าสั่งทีละตอน สั่งหน่วยงานนี้ทีหนึ่ง พรุ่งนี้อีกหน่วยงานหนึ่ง มันไม่ได้ เพราะระบบบ้านเรา ถ้าไม่มีเจ้าภาพบังคับให้ทำ แล้วไม่มียุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหามันจะพัง
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศีลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ไม่มีหน่วยงานไหนอิสระ 100% สุดท้ายแล้วมันต้องมีความเป็น Harmony หน่วยงานแต่ละหน่วยจะมีผลกระทบซึ่งกันและกัน หากไม่มีการประสานสอดคล้องระบบจะพัง และตนมีประสบการณ์จากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นอิสระเต็มที่ หลังจากนั้นมา นายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ หากไม่มีความผิดร้ายแรง เช่นนั้นเมื่อมีความเป็นอิสระมากแล้ว “อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” แต่เมื่อมีปัญหาขึ้นมา ผู้ว่าการมักจะคิดเยอะ และไม่ทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าจะต้องรับผิดชอบ สุดท้ายจะไม่กล้าทำ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัว
แก้ปัญหา ‘เงินเฟ้อ’ อัดฉีด ‘การลงทุน-เทคโนโลยี’ เสริมทฤษฎี ‘Supply Side’
ศุภวุฒิ กล่าวว่า เงื่อนไขของธนาคารแห่งประทเศไทย ณ วันนี้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่ปัญหาคือ ก่อนหน้านี้เงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าก็ไม่เห็นว่าอะไร แต่วันนี้เงินเฟ้อสูงกว่าเท่าก็ไม่เห็นว่าอะไร ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับบอกว่า เงินเฟ้อจะกลับเข้าเป้าเอง ไม่ต้องขึ้นดอกเบี้ยเยอะ แต่เมื่อสถานการณ์แบบนี้ ค่าเงินจะเป็นเท่าไหร่ต้องดูแนวโน้ม
ตอนนี้เราขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง 6 ไตรมาส ก็ต้องยอมให้ค่าเงินอ่อนเพื่อแก้ปัญหา แต่ปัญหาคือ ถ้าปล่อยให้ค่าเงินอ่อนมากๆ ทำให้เงินเฟ้อขึ้นทางตรง และทางอ้อม สินค้าทุกอย่างที่ส่งออก และนำเข้าจะขึ้นราคาหมด ฉะนั้นมันถึงเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องไปปรับเงินเฟ้อ เพราะรัฐบาลปรับไม่ได้
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ‘ค่าเงิน’ กับ ‘เงินเฟ้อ’ จะไปด้วยกัน ด้วยหลักที่เรียกว่า ‘ความเท่าเทียมกันของกำลังซื้อ’ ถ้าเงินบาทอ่อนไป เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นไปอีก ถึงจะพูดว่า มันส่งผลดีกับผู้ส่งออก นั่นแปลว่า เขาผลิตแล้วส่งออก แต่ไม่มีสินค้าบริโภคในประเทศ ดังนั้นต้องทำอย่างไรก็ได้ให้มีการผลิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องแรงงาน เงินทุน พลังงาน เทคโนโลยี ต้องหาเพิ่มศักยภาพทั้งสี่เรื่องให้มีการผลิตสินค้ามากขึ้น แล้วจะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาเงินเฟ้อระยะยาว และหนี้สิน นั่นคือ ทฤษฎี ‘Supply Side’ และเนื่องจากตอนนี้ประชากรเราแก่ตัว พลังงานไม่มี ต้องพึ่งการลงทุน และเทคโนโลยีเป็นหลัก เพราะปัจจัยสองตัวนี้ เราจะขยายเศรษฐกิจได้
‘โทนี่’ เชื่อ ศักยภาพคนไทย ปัจจัยเสริมสร้างธุรกิจ NFT-Blockchain
โทนี่ ยังได้กล่าวถึง ปัจจัยทางเทคโนโลยีว่า สินค้า และการลงทุนประเภท NFT เป็นการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนในโลกดิจิทัล และทุนของสินทรัพย์นั้นไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่จะมาจากคนทั้งโลก ดังนั้นเรื่อง Blockchain จึงมีความจำเป็นสูงมาก และมันต้องเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งในการโฆษณาพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2543 ตนเคยกล่าวไว้ว่า เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย และประเทศไทย เพียงแต่ต้องบริหารจัดการให้ถูก วันนี้เราบริหารจากมีเป็นไม่มี
ขณะที่ พันศักด์ เสริมว่า ประเด็นของประเทศไทยคือ ต้องมีการสร้างความเชื่อมั่น เพื่อทำให้ NFT และ Blockchain สามารถอยู่บนผลประโยชน์ทั้ง 3 มิติได้
ด้าน ดร.ศุภวุฒิ กล่าวว่า ถ้าในเดือน ธ.ค.นี้ ประเทศไทยยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ ถ้านักท่องเที่ยวไม่เยอะ ช่วง ม.ค.-ก.พ. นักท่องเที่ยวจะเข้าไทยมาก และยังไม่พอจะทำให้เศรษฐกิจฟื้น ตอนนั้นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะน้อย เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็ต้องบู๊ว่าจะทำอะไร ออปชั่นจะมีไม่มาก ค่าเงินบาทก็คงจะอ่อนค่าอยู่ แถมเศรษฐกิจชะลอ เพราะนักท่องเที่ยวไม่มาและน้อยลง คาดว่าจะเป็นรัฐบาลผสม แบ่งที่นั่ง และจะมีนโยบายพอใจทุกคนหรือไม่
ทำให้ โทนี่ ระะบุว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้านอาเซียน ถ้าประเทศไม่รับการแก้ไขจริงจังเป็นห่วงลูกหลาน
แนะเร่งฐานภาษีให้โต แก้ปัญหาหนี้สาธารณะพุ่ง
ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบริหารหนี้สาธารณะของงบประมาณ ปี 2566 มีการก่อหนี้สาธารณะวงเงินใหม่ 1 ล้านล้านบาท โดย โทนี่ ระบุว่า ถ้าจะชนเพดานหนี้สาธารณะก็ขยับเพดานหนีให้ไปถึง 70% เพราะไทยมีฐานภาษีต่ำ เราหารายได้เข้ารัฐเก็บภาษีได้น้อย ได้ 10%ของจีดีพีเท่านั้น ดังนั้น จะทำอย่างไรเร่งฐานภาษีให้โต ซึ่งเหมือนเราเร่งรายจ่ายแต่ไม่เร่งรายได้ จะทำให้ล้มละลายในที่สุด
เชื่อ 'ประวิตร' กำลังสนุกรักษาการนายกฯ ถ้า 'ประยุทธ์' ไปลับจะวิ่งฉลุย
ขณะเดียวกัน โทนี่ ได้กล่าวถึงประเด็นทางการเมืองในวันที่ 30 ก.ย. 2565 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า วันนี้ควรรู้ตัวเอง ถ้าจะเลี่ยงบาลี เพราะมีศรีธนญชัยอยู่ด้วยก็เลี่ยงมาจนชนกำแพงแล้ว ในแง่ของคนทั่วไปก็มองว่ามันครบ 8 ปีแล้ว และจะไม่ก้าวล่วงศาล
“วันนี้ ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรักษาราชกานแทนนายกรัฐมนตรี ) กับตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม) สั่งเกาเหลามานั่งคนละมุมห้อง ส่วนผมสั่งก๋วยเตี๋ยวใส่เส้นมานั่งตรงกลางห้องเลย” โทนี่ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวในท้ายรายการ อีก 2 สัปดาห์จะยังมีนายกฯชื่อ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ โทนี่ ระบุ วันนี้ต้องถามว่า แล้ววันนี้ พล.อ.ประวิตรจะยอมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรจะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้วไปลับอย่ากลับมา พล.อ.ประวิตรกำลังสนุก เขาเรียกว่าใช้ใจบันดาลแรงเลย ถ้าได้เป็นตัวจริงจะวิ่งเลยนะ
ดทุเรศ คลิปนักเรียนแอบสูบกัญชา
โดยตอนท้ายการมีการเปิดคลิปวิดีโอเด็กนักเรียนผู้หญิงกำลังเสพกัญชาในกลุ่มเพื่อนนักเรียน ทำให้ โทนี่ กล่าวทันทีว่า "ทุเรศสุดๆ" พร้อมระบุว่า ตนอ่านข่าว อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข บอกว่าเป็นหน้าที่ของ ตำรวจและโรงเรียน มีให้ห้ามอยู่แล้ว ทำไมปล่อยให้สูบกัญชา จริงๆ แล้วเราเปล่อยเชื้อโรคเข้าโดยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ถ้าฉีดวัคซีนให้คนของเรามีภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะคนอ่อนแอคือเด็กทั้งหลาย เราทำเรียบร้อยค่อยปล่อย เชื้อเข้ามาก็ไม่มีผล แต่เราปล่อยกัญชาเสรีมา โดยไม่มีกติกาแล้วมาไล่ออกกติกาภายหลัง แต่ก็เข้าไปลึกแล้ว
โทนี่ กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าเป็นห่วงต้องจัดการแก้ไขใหม่ แม้จะใช้เพื่อสาธารณสุขต้องมีกติกาใช้เพื่อสาธารณสุข โดยคนไทยมีกฎไว้เลี่ยง ไม่ได้มีกฎไว้ปฏิบัติ ดังนั้น เรื่องกัญชาเสรี ตนว่าน่าจะมีการเบรกไว้ก่อนเพื่อมาแก้ปัญหาสิ่งที่ไม่ดี ในเรื่องผู้ใหญ่ เรื่องใช้เพื่อการแพทย์ ใช้เพื่อการผลิตทางสาธารณสุข เราคิดว่าไม่เสียหายเป็นเรื่องที่ดี แต่กัญชาเสรีปล่อยในเด็กจนอันตราย
"ผู้ใหญ่หลายคนปล่อยจนเพ้อเหมือนกัน สูบจนเพ้อก็มี เรายังไม่ให้ความรู้ประชาชน แต่มุ่งผลการเมือง เสรีอย่างเดียว บางทีเจ้าของนโยบายก็เมากัญชาเสียเอง" โทนี่ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
