ไม่พบผลการค้นหา
‘เพื่อไทย’ จัดเวทีเสวนากัญชาเสรี ผิดทิศ ผิดทาง?’สุทิน' ชี้เป็นมหาบาปของประเทศ เชื่อไม่เกิน 5 ปี เจอคนไทยเรียกร้องกลับไปเป็นยาเสพติด เตือนเพราะเห็นแก่เยาวชน ไม่เกี่ยวการเมือง ด้าน 'จิรายุ' ซัดทำภาพลักษณ์ประเทศเสีย แนะ 'ประยุทธ์' ใช้อำนาจยกเลิก

วันที่ 9 ส.ค. 2565 ที่ Think Lab พรรคเพื่อไทย ในวงเสวนา 'กัญชาเสรี ผิดทิศ หลงทาง?' ประกอบด้วยผู้เสวนา ว่าด้วยข้อสังเกตและความห่วงใยต่อนโยบายกัญชาเสรี  โดย สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า นโยบายนี้เป็นการทำบาปให้กับแผ่นดินครั้งใหญ่ที่สุดเรียกได้ว่าเป็น มหาบาป หลายคนเห็นว่าช่วงสุญญากาศของกฎหมายเป็นอันตราย แต่ตนมองว่า แม้กฎหมายพร้อมสมบูรณ์แบบแล้วก็ยังเอาไม่อยู่ เพราะขนาดยาบ้าที่กฎหมายคุมเข้มก็ยังเอาไม่อยู่เลย ดังนั้น อย่าไปตั้งความหวังกับอนาคต ทางเดียวคือต้องเลิกกฏหมายนี้เท่านั้น

"ไม่เกิน 5 ปี คนไทยจะลุกขึ้นบอกกับรัฐบาลว่าให้เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเถิด เลิกกันสักที ต้องถึงวันนั้นแน่นอน เพียงแต่กว่าจะถึงวันนั้นเราต้องเสียหายที่น่าสันตะโรไปเท่าไหร่ ชีวิตเด็ก คุ้มหรือไม่ที่จะเอามาเสี่ยงในวันนี้"

สุทิน ยังย้ำว่า แม้ผู้เสนอนโยบายจะอ้างเจตนาดี ว่ามีประโยชน์ในทางรักษาโรค และเศรษฐกิจ เป็นทางเลือกให้ประชาชนรักษาโรคได้โดยไม่ต้องเสียเงินมาก แต่ก็มีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคแล้ว หากขาดยาก็หาอย่างอื่นมาทดแทนก็ได้ วันนี้ชาวบ้านเขาถึงจะได้เกือบทุกอย่าง ควรช่วยกันมาหางบประมาณ ให้ชาวบ้านรักษาได้ทุกโรคแบบฟรีๆ ดีกว่า ยืนยันไม่เกี่ยวการเมือง แต่เห็นแก่ความปลอดภัยของเยาวชน ถ้าตนไม่ห่วงเด็ก อยากทำอะไรก็จะปล่อยให้ทำ

สุรวิทย์ -BCBF-41DF-B68A-58EF6EF2922A.jpegสุทิน -33F6-4933-8CB9-FFE57E9C2539.jpeg

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า แม้จะมีกฎหมายมาปิดช่องโหว่หรือไม่ก็ตาม แต่ผลกระทบทางสุขภาพของผู้ที่เสพกัญชาก็เห็นชัดอยู่แล้ว แล้วจะทำให้สุขภาพของสังคมและของประเทศเสียหายด้วย จึงขอว่ากลับคืนสู่สภาพความเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมจะดีกว่า

ตั้งแต่เริ่มปลดล็อกกัญชา ในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้สถิติผู้ป่วยจากการเสพกัญชา เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น มีตั้งแต่หลอน เมากัญชา จนถึงขั้นรุนแรง ต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องใช้แพทย์บุคลากรสาธารณสุขและงบประมาณจำนวนมากในการรักษา ขอเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดเวทีรับฟังความเห็นของบุคลากรด้านการแพทย์โดยตรง เพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาแท้จริงมากกว่าการฟังหมอการเมือง โดยไม่ฟังเสียงจากหมอมืออาชีพ 

จิรายุ -4DD3-415E-B315-92878A7EEF11.jpeg

ด้าน จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. มองว่า กัญชาเสรีเป็นนโยบายแบบไปตายเอาดาบหน้า ซึ่งตนมองว่าแค่ดาบแรกก็ตายไปแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกหรือไม่ที่อุปโลกน์ว่า กัญชาสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ควรจะโปรโมทไปให้ถึงองค์การอนามัยโลก แต่ทำไมถึงมีไทยเพียงประเทศเดียว ขณะนี้นานาประเทศยังคงไม่ยอมรับ มองกัญชาในแง่ลบ และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของคนไทยในสายตาต่างประเทศได้

จิรายุ ตั้งคำถามว่า วันนี้สังคมไทยพร้อมรับมือผลกระทบแล้วหรือไม่ ถ้าบังคับใช้นโยบายดังกล่าวอย่างขาดความเข้าใจ ก็จะเกิดปัญหาต่อภาคคประชาชน นายกรัฐมนตรีมีอำนาจยกเลิก หรือแม้กระทั่งแขวนกฎหมายไว้ก่อนได้จนกว่าจะมีความพร้อมบังคับใช้

กิตติ์ธัญญา -CECB-4338-BFB3-62F85C16D565.jpeg

กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวว่า ปัญหาจากในพื้นที่ เมื่อสามารถเสพยาเสพติดได้อย่างเปิดเผยไม่ต้องแอบซ่อนแล้ว ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวใหญ่ เยาวชนมารวมตัวกันมั่วสุมภายในบ้าน ล้วนแต่เป็นลูกหลานของตัวเองจึงเกิดความไม่สบายใจ แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเสรีแล้ว โดยไม่มีกติกาที่ชัดเจน การแก้ปัญหาก็แก้ผ้าเอาหน้ารอดประภารับมาให้ชุมชน หากมามอมเมาประชาชนของตัวเองเช่นนี้แล้ว จะเอาไปกำลังที่ไหนมาพัฒนาประเทศ

"ผู้ที่ผลักดันนโยบายนี้ก็นักการเมืองคนหนึ่ง ที่มาจากเสียงของประชาชน แต่สิ่งที่ทำตอนนี้คือการสนองตัณหาตัวเองในการหาเสียง ในการทำธุรกิจ ไม่ได้มองผลกระทบว่าประชาชนเยาวชน หรือคนที่ใช้แรงงาน เสพไปแล้วจะเกิดปัญหาอย่างไร"