ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลไต้หวันประกาศเตรียมห้ามชาวต่างชาติเข้าเมือง ยกเว้นเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตพำนักในไต้หวันและนักการทูต ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังพบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมาไต้หวันได้รับเสียงชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเรื่องมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ แต่ตอนนี้มีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรายวันนั้นเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป

รัฐบาลไต้หวันได้เรียกร้องประชาชนงดเดินทางไปต่างประเทศหากไม่จำเป็น และล่าสุด ยังได้ยกระดับมาตรการควบคุมคนเข้าเมือง โดยห้ามชาวต่างชาติเกือบทั้งหมดเดินทางเข้าไต้หวัน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. นี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยกเว้นให้กับชาวต่างชาติที่ถือใบถิ่นที่อยู่ (Alien Resident Certificate-ARC) เจ้าหน้าที่ทูต และนักธุรกิจที่มีใบอนุญาตเข้าเมืองพิเศษ โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตเหล่านี้จะต้องผ่านการกักตัวเฝ้าระวังโรคเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งรัฐบาลไต้หวันไม่ได้ระบุว่า มาตรการใหม่นี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร 

'เฉินสือจง' รัฐมนตรีสาธารณสุขไต้หวันระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจนถึงตอนนี้ไต้หวันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยืนยันแล้วทั้งหมด 77 ราย ในจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นใหม่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาติดเชื้อมาจากที่อื่น ขณะที่ 'โจเซฟ วู' รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันระบุ ไต้หวันกำลังยกระดับความร่วมมือกับสหรัฐฯที่ตอนนี้เผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็วจนมีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วในพื้นที่ทั้ง 50 รัฐ โดยความร่วมมือนี้จะครอบคลุมถึงการวิจัยและผลิตวัคซีน

วูเปิดเผยว่าสหรัฐฯ จะจัดหาวัสดุสำหรับชุดสูทป้องกัน 300,000 ชุดในกับไต้หวัน ส่วนไต้หวันก็จะส่งออกหน้ากากอนามัย 100,00 ชิ้นต่อสัปดาห์ให้สหรัฐฯ เมื่อมีหน้ากากเพียงพอใช้ภายในไต้หวันแล้ว นี่ถือเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่าง 2 ฝ่าย และความพยายามร่วมมือต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ทั้งยังหวังจะร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือประชาคมโลก

ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไต้หวันได้ห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัย และนับจากนั้นก็เพิ่มการผลิตรายสัปดาห์เป็น 11 ล้านชิ้น โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขยังเผยว่า รัฐบาลตั้งเป้าจะเพิ่มการผลิตเป็น 15 ล้านชิ้นในเร็วๆนี้ 

อ้างอิง CNA/Taiwan News

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: