เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญความหลากหลายทางเพศ
นายธัญญ์วาริน กล่าวว่า วันนี้ผลที่ออกมา ดีใจมากที่จุดเริ่มต้นของเราสัมฤทธิ์ผล เสียงที่โหวตให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการความหลากหลายทางเพศ มีถึง 101 เสียง แสดงว่ามีเสียงจากพรรคอื่นที่เห็นด้วย อีก 20 กว่าเสียง ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่รู้ว่ามีพรรคใดโหวตให้บ้าง พร้อมทั้งขอบคุณทุกเสียงที่ลงคะแนนให้
นายธัญญ์วาริน กล่าวว่า นี่คือการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมือง ที่มีความพยายามจัดตั้งกรรมาธิการความหลากหลายทางเพศ แยกมาอีกคณะ ส่วนตัวอยากบอกผู้มีความหลากหลายทางเพศว่า เราพยายามเต็มที่แล้วที่สร้างที่ยืน ให้ทุกคนเห็นคุณค่าความเป็นคนของเรา ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วที่ได้มีกาอภิปราย และเมื่อวันที่ 21 ส.ค. เราได้เข้าไปคุยกับ ส.ส. พรรคอื่นๆ ที่เคยหาเสียงในเรื่องนี้เอาไว้ จริงๆ หวังว่าจะได้เสียงมากกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้ว
“พรรคอนาคตใหม่ไม่เคยทอดทิ้งเราอยู่แล้ว คนอีก 7 ล้านคนยังถูกเลือกปฏิบัตินี่คือปัญหาปากท้องประชาชน คนอีก 7 ล้านคนไม่ใช่คนเหรอคะ ไม่มีงานที่ดีๆ ทำ ไม่มีสิทธิเลือกอนาคตที่ตัวเองต้องการ ไม่มีสิทธิมีครอบครัวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตรงนี้คือปัญหาปากท้องที่สำคัญ”
นายธัญญ์วาริน กล่าวต่อว่า หากกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้รับการปลดปล่อยศักยภาพของตังเอง มั่นใจว่า เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไทยจะดีขึ้น หากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมีสิทธิ เสรีภาพ ตามกฎหมายเหมือนทุกคน
ด้านนายธัญวัจน์ กล่าวถึงภารกิจต่อไปของกลุ่มว่า ถึงวันนี้เราจัดตั้งกรรมาธิการไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดก้าวเดิน แต่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศต่อไป คือ หนึ่ง ตั้งอนุกรรมการทำงานเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ สอง ยกร่างกฎหมายการสมรสไม่จำกัดเพียงแค่ชายหญิง
พปชร.ชี้เสียงโหวตสภาให้ความสำคัญเพศสภาพแล้ว
ขณะที่ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.พิจารณาข้อบังคับการประชุมสภาฯ ระบุว่า มติของสภาฯที่เสนอให้ตั้ง กมธ.ด้านความหลากหลายเพศ ที่แพ้โหวต เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ใช่เป็นเรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องของพรรคพวกกรรมาธิการเสียงข้างน้อย หรือเสียงข้างมาก มติของที่ประชุมสภานั้น ถือว่าได้ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลายหลากทางเพศแล้ว โดยเป็นประเด็นศึกษาอยู่ในข้อบังคับที่ 90(5) ซึ่งแต่เดิมมีเพียงเด็ก สตรี ผู้พิการ คนชรา แต่วันนี้ได้มีการเพิ่มกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มผู้มีความหลายทางเพศขึ้นมาด้วย ซึ่งในการทำงานสมารถตั้งคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาเป็นประเด็นเฉพาะได้
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า สาเหตุที่กรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ได้เพิ่ม กมธ.ด้านความหลากหลายทางเพศเป็น กมธ.ชุดที่ 36 นั้นเป็นเพราะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ กรณีที่นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวในสภาว่ามี ส.ส. คนหนึ่งในคณะกรรมาธิการพูดว่า แทนที่จะสนใจเรื่อง LGBT ควรคิดว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เบี่ยงเบนทางเพศ นั้น กมธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้มีถอดเทปบันทึกการประชุม ซึ่งไม่พบว่ามีคำพูดดังกล่าวอยู่