กิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากกรณีที่ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นทั้งนี้การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จำต้องปรับขึ้นค่าเอฟทีหรือ ค่าไฟฟ้า ผันแปร หากไม่ปรับจะกระทบกับแผนการดำเนินการของ กฟผ.ได้ เนื่องจากกระแสเงินสดที่ลดลงจากการบริหารของรัฐบาลผิดพลาด ส่งผลให้ กฟผ. ติดลบกว่า 100,000 ล้านบาท เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ กฟผ. จำต้องปรับขึ้นค่าเอฟทีเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
การปรับขึ้นค่าเอฟทียังไม่หยุดแค่นี้ เชื่อว่าก่อนสิ้นปี กฟผ.จำต้องปรับอีกครั้ง เพื่อสะท้อนความจริงของต้นทุนค่าไฟฟ้าตามจริง ดังนั้นประชาชนต้องแบกรับค่าไฟที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชน จะส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ประชาชนต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ จากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล
กิตติกร กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยและคณะกรรมาธิการพลังงาน เคยให้คำแนะนำกับรัฐบาลว่า รัฐบาลควรไปเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจนี้ ไม่ต่างจากเสือนอนกินเพราะรับเงินพร้อมจ่ายระยะยาว 25-30 ปี แม้จะผลิตไฟฟ้าไม่เต็มกำลัง แต่การไฟฟ้าต้องจ่ายเต็ม ดังนั้นหากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ควรมีความจริงใจที่ช่วยประชาชนควรไปเจรจากับเอกชน ขอลดจ่ายค่าพร้อมจ่ายหรือจ่ายน้อยลงประมาณร้อยละ 20-25 ในระยะเวลา 6 เดือนจะช่วยประชาชนได้มาก
“รัฐบาลต้องเลิกเกรงใจเอกชนหรือมีอะไรบังตาทำให้ไม่กล้าจะเจรจากับกลุ่ม เสือนอนกินเหล่านี้เพื่อช่วยประชาชน ประชาชนกังขาว่าเหตุใด รัฐบาลเกรงใจเอกชนแต่ไม่เกรงใจประชาชนที่จ่ายภาษีให้กับรัฐ” กิตติกร กล่าว