สมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยถึง กรณีที่คณะรัฐมนตรี รับทราบแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,052,785.47 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 695,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องคงค้างให้เพียงพอกับ การเบิกจ่าย วงเงิน 45,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ กฟผ. วงเงิน 85,000 ล้านบาท กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงิน 30,000 ล้านบาท ไม่แปลกใจที่รัฐบาลกู้มาเพื่อโปะงบประมาณ เพราะตลอด 8 ปีรัฐบาลกู้เงินมาตลอด 

อยากถามว่า ณ เวลานี้ หนี้สาธารณะที่ออกกฎหมายขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะรัฐบาลกู้ทุกปี จนใกล้ชนเพดานหนี้สาธารณะแล้ว หากรัฐบาล กู้อีก 1 ล้านล้าน ก็จะเกินจีดีพี ทั้งนี้สำนักบริหารหนี้สาธารณะรายงานเมื่อ กรกฎาคม 2565 ไทยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 10 ล้านล้าน หากกู้เพิ่มอีกก็จะเป็น 11 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดเจน ว่ากู้เงินรอบใหม่จะนำเงินไปทำอะไร เงินกู้มหาศาลจะนำมาพลิกฟื้นสร้างเศรษฐ กิจได้หรือไม่ น่าประหลาดใจที่รัฐบาลอ้างว่าเศรษฐกิจฟื้น แต่ทำไมเก็บภาษีพลาดเป้าทุกปี 

สมคิด กล่าวด้วยว่า ถึงอย่างไรการกู้เงินรอบใหม่รัฐบาลจำเป็นต้อง ออกเป็นพระราชกำหนดเงินกู้นำเข้าสู่สภา เพื่อขอรับการอนุมัติ ดังนั้นต้องบอกความจริงกับประชาชน มีรายละเอียดการใช้เงินที่ชัดเจน อย่ายื่นมาเพียงกระดาษแผ่นเดียว เหมือนเงินกู้ 1 ล้านล้านครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้กู้เงินช่วงปลายรัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนเขาทำกัน ขอเตือนว่ารัฐบาลไม่ควรนำ เงินกู้ไปทำโครงการใหม่ เพราะควรให้รัฐบาลใหม่เขาดำเนินการ โดยมารยาทไม่ควรทำ

“นอกจากนี้อยากให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีใน ฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ช่วยตรวจสอบเงินกองทุนประกันภัย ที่จะเยียวยาให้กับผู้เอาประกันภัยจากสถานการณ์โควิด ที่ซื้อประกันโควิด เจอจ่ายจบ ทั้งนี้ผู้ซื้อประกันจำนวนกว่า 680,000 คนยังไม่มีใครได้เงินเลย เพราะบริษัทประกันภัยปิดกิจการ รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างไร พรรคเพื่อไทยเคยทวงถามจากรัฐบาล แต่ก็ไม่สัญญาณตอบรับ อยากถามว่าเมื่อไหร่รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ พี่น้องประชาชนเดือดร้อนแต่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ ปัญหาของประชาชน รัฐบาลกลับไม่สนใจแล้วจะไปสนใจเรื่องอะไร” สมคิด กล่าว