ไม่พบผลการค้นหา
ศาลฎีกาพิพากษา 'กนกวรรณ' อดีต รมช.ศธ.ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปมออกโฉนดที่ดินมิชอบ

วันที่ 22 ก.พ. 2566 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกา สนามหลวง กำหนดนัดฟังคำพิพากษา คดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้คัดค้าน กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงฯ ว่าด้วย ข้อพิพาทการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่หมู่ 15 ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เนื้อที่ 30-2-80.5 ไร่ 


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า คดีดังกล่าวเกิดจากกรณีที่ กนกนกวรรณ อ้างว่าซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจาก ‘ทิว มะลิซ้อน’ ในปี 2533 แต่ทิวนั้นไม่มีตัวตน ทั้งไม่เคยมีการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และแนวเขตป่าไม้ถาวรป่าเขาใหญ่ ทำให้รัฐสูญเสียที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นการออกโฉนดที่ดินจึงมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นความเสียหายร้ายแรง แต่กนกวรรณยังคงยึดถือครอบครองที่ดินต่อเนื่องตลอดมาจนกระทั่งเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งนี้ ป.ป.ช.จึงขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า กนกวรรณ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง นับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.235 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ม.87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2565 ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำร้อง และมีคำสั่งให้ กนกวรรณ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา โดยมีการพิจารณาคดีครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2565 และมีการพิจารณาคดีเรื่อยมาจนเสร็จสิ้นกระบวนการศาลฎีกาจึงนัดคู่ความทั้งสองฝ่ายมาฟังคำพิพากษาดังกล่าว 

ซึ่งในวันนี้ศาลฎีกาได้มีการนัดอ่านคำพิพากษา โดยผลการพิจารณาเห็นว่า กนกวรรณ ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนสิทธิ กนกวรรณจึงเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกโฉนดที่ดินได้ตามกฏหมาย จึงทำให้การออกโฉนดที่ดินของกรมที่ดินไม่ชอบด้วยกฏหมาย และเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบส่งผลต่อภาพลักษณ์ของความเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงตามมาตรฐานจริยธรรม 

อีกทั้งพยานหลักฐาน ทั้งหมดจึงพิพากษาว่า กนกวรรณ ฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ ม.235 ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ม.87 จึงให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนับตั้งแต่ 26 ส.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รวมทั้งไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ขณะเดียวกันยังให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปีนับตั้งแต่ที่ศาลมีคำพิพากษา