กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีคำสั่งคว่ำบาตรกิจการที่เกี่ยวข้องกับนายเจ้าเหว่ย พลเมืองจีน เจ้าของกิจการ คิงส์ โรมันส์ กาสิโน สถานบันเทิงและบ่อนพนันในเขตเศรษฐกิจพิเศษแขวงบ่อแก้วของ สปป.ลาว ซึ่งมีอาณาเขตเชื่อมต่อกับไทยและเมียนมา บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยคำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าวเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกระทรวงการคลังสหรัฐ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าเจ้าเหว่ยเป็นผู้ต้องสงสัยว่าประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในด้านต่างๆ ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างแดน (OFAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เป็นผู้ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลกิจการข้ามชาติของเจ้าเหว่ย (Zhao Wei TCO) พบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติด เช่น เฮโรอีน ยาบ้า รวมถึงการค้าประเวณีโสเภณีเด็ก โดยร่วมมือกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ว้าในเมียนมา ทั้งยังเป็นขบวนการที่ลำเลียงยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายต่างๆ ข้ามพรมแดนระหว่างจีน ลาว ไทย ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ข้อมูลในเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า เจ้าเหว่ย วัย 66 ปี ถือสัญชาติจีน และมีอีกชื่อหนึ่ง คือ 'ธัญชัย แซ่โจว' เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทคิงส์ โรมันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ฮ่องกง) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการคิงส์ โรมันส์ กาสิโน, บริษัทคิงส์ โรมันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสต์เมนต์ จำกัด และบริษัท คิงส์ โรมันส์ คัมพานี จำกัด ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย โดยกิจการทั้งหมดอาจเกี่ยวข้องกับการติดสินบน ฟอกเงิน ค้ายาเสพติด และลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ
ผู้ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าเหว่ยอีก 3 คน ได้แก่ ซู่กุ้ยจิน ชาวจีนผู้เป็นภรรยาของเจ้าเหว่ย และทำหน้าที่ดูแลด้านการเงินให้แก่เขา รวมถึงเป็นผู้บริหารบริษัทอีกคนหนึ่งของบริษัทคิงส์ โรมันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ฮ่องกง) จำกัด, นายอับบาส เอบราฮิม ผู้ถือพาสปอร์ตออสเตรเลีย และเป็นอดีตผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของคิงส์ โรมันส์ กาสิโน ซึ่งพบเบาะแสว่าเป็นผู้ที่คอยดำเนินการเรื่องสินบนแทนเจ้าเหว่ย
ส่วนคนสุดท้ายคือนายณัฐ รุ่งตะวันคีรี ชาวไทย ในจังหวัดเชียงราย มีชื่อเป็นผู้บริหารของบริษัท คิงส์ โรมันส์ คัมพานี จำกัด ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายเงินในนามของเจ้าเหว่ย ซึ่งในเอกสารของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังระบุถึงที่อยู่และเลขบัตรประจำตัวประชาชนของนายณัฐอย่างละเอียดด้วย
'คิงส์ โรมันส์ กาสิโน' เป็นกิจการของจีนที่ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศและสื่อไทย เพราะเป็นโครงการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ กินอาณาเขตกว่า 10,000 ตารางเมตรในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สปป.ลาว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อปี 2558 ว่าคิงส์ โรมันส์ กาสิโน ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ลาว ขณะที่นักลงทุนจากจีนเป็นประเทศที่ลงทุนใน สปป.ลาวมากที่สุด และเมื่อปี 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีน ลาว และไทย ได้ร่วมมือกันจับกุมยาเสพติดได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งพบเบาะแสเชื่อมโยงไปถึงคิงส์ โรมันส์ กาสิโน ทำให้เกิดการขยายผลสอบสวนในเวลาต่อมา
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย เพิ่มความตื่นตัวเฝ้าระวังและทำหน้าที่ปกป้องสังคมจากภัยยาเสพติด โดยมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมในวันนี้ (1 ก.พ.2561) เพื่อเตรียมปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศครั้งใหญ่ ควบคู่กับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะคนต่างชาติที่อาศัยอยู่เกินกำหนด มากกว่า 8,000 ราย และที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งพบพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศว่า กรณีที่มีชื่อคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทเครือคิงส์โรมันส์ซึ่งเปิดสาขาในประเทศไทยนั้น เชื่อว่าคนไทยคงถูกจ้างไปบริหารงาน แต่ไม่ได้มีฐานะเป็นหุ้นส่วนบริษัท และทางการสหรัฐฯ ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ แต่เพียงพบข้อสงสัยว่าบริษัทในเครือคิงส์โรมันส์อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย จึงเลือกใช้วิธีคว่ำบาตรยกเลิกการทำธุรกรรมต่างๆ กับเครือบริษัทดังกล่าว
อ่านเพิ่มเติม: