น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถาบันการเงินในไทย และบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด ได้ร่วมกันพัฒนาบริการเรียกเก็บเงิน (Request to Pay) ผ่านระบบพร้อมเพย์
บริการเรียกเก็บเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เป็นบริการต่อยอดบนโครงสร้างพื้นฐานของระบบพร้อมเพย์ที่มีมาตรฐาน โดยระบบกลางจะพร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 2561 เป็นต้นไป
โดยธนาคารจะทยอยให้บริการต่อไปในบริการเรียกเก็บเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เป็นบริการที่ช่วยให้ร้านค้า และภาคธุรกิจ สามารถส่งข้อความแจ้งไปยังผู้ซื้อเพื่อขอให้ชำระเงิน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ร้านค้ารายย่อย รวมถึงร้านค้าออนไลน์ (e-Commerce) ให้มีช่องทางเรียกเก็บเงินและรับชำระเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ขณะที่ ประชาชนจะได้รับความสะดวกในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลายขึ้นเช่นกัน โดยการใช้งานบริการเรียกเก็บเงินเมื่อการซื้อขายแล้วเสร็จ มีขั้นตอนการใช้งาน 2 ขั้นตอน คือ
1) การส่งแจ้งเตือน : ผู้ใช้บริการที่เป็นฝ่ายรับชาระเงิน เช่น ร้านค้า ผู้ขายสินค้าออนไลน์ ส่งข้อความแจ้งผู้ซื้อที่จะเป็นผู้จ่ายเงิน เพื่อขอให้ชำระเงินกลับด้วยการระบุหมายเลขพร้อมเพย์ของผู้จ่ายเงิน
2) การชำระเงินหลังรับการแจ้ง : เมื่อผู้ซื้อหรือผู้จ่ายเงินได้รับข้อความแจ้งผ่านช่องทางของธนาคารที่ใช้บริการ เช่น โมบายแอปพลิเคชั่นของธนาคาร (Mobile Banking) สามารถเลือกยืนยันการชำระเงินได้
ทั้งนี้ ผู้ที่จะใช้บริการเรียกเก็บเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ทั้งการส่งแจ้ง และการรับแจ้งสามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์และเปิดใช้บริการตามช่องทางที่ธนาคารกำหนด
อย่างไรก็ตาม ในการปรับระบบให้รองรับบริการใหม่นี้ ระบบพร้อมเพย์จะปิดให้บริการชั่วคราวในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 1.00 – 3.00 น. ซึ่งเป็นการปิดระบบตามปกติเพื่อรองรับบริการใหม่ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ลูกค้าสามารถใช้บริการโอนเงินผ่านช่องทางอื่นๆ ของธนาคารได้ตามปกติ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารทุกแห่ง