มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ตกลงให้มีการลดเงินเดือนของตัวเองลงร้อยละ 10 โดยมีผลบังคับใช้ทันที และจะปลดพนักงานอัตราจ้าง 17,000 ตำแหน่ง โดยรัฐบาลมาเลเซียหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยลดหนี้สาธารณะลงได้ เนื่องจากปัจจุบัน หนี้สาธารณะของมาเลเซียสูงว่า 1 ล้านล้านริงกิต คิดเป็นประมาณร้อยละ 65 ของจีดีพี
มหาเธร์ระบุว่าสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบแรกในปี 1981 เขาได้ประกาศตัดลดเงินเดือนของรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูง พร้อมระบุว่า ข้าราชการระดับสูงบางคนมีเงินเดือนสูงกว่ารัฐมนตรีด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ข้าราชการสามารถเลือกได้เองว่าจะช่วยเหลือประเทศด้วยการลดเงินเดือนตัวเองหรือไม่ ไม่มีการบังคับจากรัฐบาลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ มหาเธร์ยืนยันว่าจะยกเลิกภาษีสินค้าและบริการ (GST) ภายในวันที่ 1 ก.ค. ส่วนโครงการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปก็จะถูกนำมาพิจารณาว่าจะยกเลิกสัญญาโครงการค้นหา MH370 กับเอกชนหรือไม่
ส่วนโครงการของรัฐบาลนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีคนก่อนก็อาจถูกยกเลิกในรัฐบาลนี้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจมีการยกเลิกโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่มหาเธร์กล่าวว่าจะพิจารณาโครงการนี้ในไม่ช้า
ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของมาเลเซียเกินร้อยละ 65 ของจีดีพี สูงกว่าเกณฑ์ที่รัฐบาลนาจิบเคยกำหนดเอาไว้เอง โดยที่ผ่านมา นักเศรษฐศาสตร์และบริษัทประเมินเครดิตหลายแห่ง เช่น Moody’s Investors Service ระบุว่า ระดับหนี้สาธารณะของมาเลเซียอยู่ในระดับเสี่ยง และระดับหนี้สาธารณะสูงกว่าประเทศในกลุ่มเรตเออื่นๆ
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ระบุว่า หนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกู้ยืมเงินในกองทุน 1MDB บริษัทลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอร์รัปชันตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นาจิบแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ที่มา: Channel News Asia, Business Times
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: