ไม่พบผลการค้นหา
ศาลปกครองสูงสุดนั่งพิจารณาคดีฟ้อง กกต. ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง กทม.-สุโขทัย-สกลนคร ไม่ชอบด้วยกฎหมายนัดแรก ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอความเห็นควรยกฟ้อง เหตุเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 ก่อนคณะตุลาการนัดสองฝ่ายฟังคำพิพากษา 7 เม.ย. นี้

วันที่ 4 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีที่ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พัฒนา สัพโส ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จ.สกลนคร วิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จ.สุโขทัย และพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์ จาก จ.สุโขทัย ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีขอให้เพิกถอนประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร จ.สกลนคร และ จ.สุโขทัย ซึ่งลงวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยในการพิจารณาคดีครั้งนี้มีเพียงผู้ฟ้องคดี 3 รายเดินทางมาแถลงปิดคดีที่ศาลด้วยตัวเองคือ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า วิรัตน์ วิริยะพงษ์ และพัฒ ตั้งเบญจผล โดยต่างแถลงปิดคดีตรงกันว่า ประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. นั้น การแบ่งเขตการเลือกตั้ง รูปแบบที่ 1 เป็นการรวมแขวง หรือตำบลเพื่อกำหนดเป็นเขตเลือกตั้งใหม่

โดยไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์รวมเขตปกครองครองอำเภอต่างๆ เป็นเขตการเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 27 กำหนดให้เป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง และกระทบสิทธิของประชาชน สร้างความสับสนในการใช้สิทธิเลือกตั้ง และกระทบต่อจำนวนราษฎรผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก กกต. ขอส่งแถลงการปิคคดี ทั้ง 4 คดีเป็นลายลักษณ์อักษร

จากนั้นองค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนคดีได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดีซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะแถลงความเห็นส่วนตัวที่องค์คณะจะนำไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นในทั้ง 4 คดีว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2566 นี้ มีความแตกต่างจากการเลือกตั้ง 2562 ทั้งในจำนวนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่กำหนดว่า ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น หรือต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

รวมทั้งส่วนของจำนวน ส.ส. ที่เพิ่มขึ้นส่วนของกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่มจาก 30 คน เป็น 33 คน จ.สกลนคร เพิ่มจากเดิม 6 คน เป็น 7 คน และ จ.สุโขทัย เพิ่มจากเดิม 3 คน เป็น 4 คน ประกอบกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 (5) กำหนดว่า จังหวัดใดมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งเท่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี โดยต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน

ดังนั้น เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งต่อจำนวน ส.ส. 1 คน เป็นตัวตั้ง ทั้งในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร สกลนคร และ สุโขทัย ตามประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. พบว่า จำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร สกลนคร และสุโขทัย มีจำนวนมาก หรือมีจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง 162,766 คน ต่อจำนวน ส.ส. 1 คน จนเกินไป

การที่ กกต. ออกประกาศ กกต. เรื่องแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งลงวันที่ 16 มี.ค. ในส่วนของกรุงเทพมหานคร 33 เขตเลือกตั้ง สกลนคร 7 เขตเลือกตั้ง และสุโขทัย 4 เขตเลือกตั้ง จึงเป็นการประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ ทั้งนี้ หลังจบกระบวนนั่งพิจารณาคดี องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนได้แจ้งคู่กรณีทุกฝ่ายว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาคคีในวันที่ 7 เม.ย.นี้